วันนี้ (27 สิงหาคม) ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา (ชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์) คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ. 5/2562 ระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง นาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ผู้ถูกกล่าวหาเรื่องการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ
ตามที่เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาว่านาทีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ และพ้นจาก ส.ส. บัญชีรายชื่อ ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปีนับแต่วันพ้นจากตำแหน่ง และลงโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสองและมาตรา 119 นั้น ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าทรัพย์สินและหนี้สินที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงในบัญชีที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ได้แก่ ที่ดิน 2 แปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง มูลค่ารวม 2,000,000 บาท และหนี้สินของคู่สมรส 4 รายการ รวม 93,039,949 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินจำนวนมากที่ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงว่าไม่ทราบถึงการทำธุรกรรมของคู่สมรสและเป็นความผิดพลาดของเลขานุการนั้น แสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ตระหนักถึงหน้าที่ที่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจึงต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ทำให้กลไกการตรวจสอบการทุจริตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ไม่เกิดประสิทธิผลต่อการตรวจสอบ ข้อแก้ตัวตามอุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาจึงฟังไม่ขึ้น
ที่ศาลฎีกาฯ ลงโทษจำคุกและปรับผู้ถูกกล่าวหาโดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี เหมาะสมแก่พฤติการณ์การกระทำความผิดแล้ว องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง กรณีเข้ารับตำแหน่งขาดอายุความทางอาญาแล้ว จึงไม่อาจนำมาตรการจำกัดสิทธิทางการเมืองมาใช้บังคับแก่กรณีนี้ได้ จึงแก้ไขให้ถูกต้อง พิพากษาแก้เป็นว่านาทีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ เฉพาะกรณีพ้นจาก ส.ส. บัญชีรายชื่อ ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 32, 33 และ 34 วรรคสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์