×

เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส กับภารกิจคืนเกียรติให้ตำรวจ คืนการตรวจสอบให้กองทัพ

โดย THE STANDARD TEAM
04.04.2023
  • LOADING...
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส

 

ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นหนึ่งในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในฟากฝั่งของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ผู้คนจดจำเขาได้ในฐานะผู้ที่เดินหน้า ‘ปราบทุจริต พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี คืนงบประมาณให้ประชาชน’ ด้วยบารมีและประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่าครึ่งศตวรรษ ใช้กลไกทางกฎหมาย กลไกกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มกำลัง จนทำให้ขุนพลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพลังประชารัฐอ่อนกำลังลงอย่างเห็นได้ชัด   

 

เมื่อย้อนเส้นทางทั้งบู๊และบุ๋นของเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส จากตำรวจหนุ่มผู้ได้รับสมญานามว่า ‘วีรบุรุษนาแก’ เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว สู่การเป็นหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยในสายตาของคนรุ่นใหม่ ระบบอาวุโสยังจำเป็นกับสังคมไทยอยู่ไหม คิดอย่างไรกับมาตรา 112 และอะไรทำให้อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ผูกพันกับระบบราชการมาทั้งชีวิต ปักธงตั้งเป้ารื้อระบบปรับโครงสร้างใหม่ให้ข้าราชการไทยต้องไม่เหมือนเดิม

 

รัฐประหารในปี 2557 เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คุณเสรีพิศุทธ์มาเล่นการเมือง จากวันนั้นจนวันนี้คิดว่ามีความเปลี่ยนแปลงในตัวคุณเสรีพิศุทธ์บ้างไหม

การรัฐประหารครั้งนั้นทำให้เราตัดสินใจมาเล่นการเมือง เพราะการรัฐประหารนั้นไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้อง เพิ่งจะรัฐประหารไปเมื่อปี 2549 นี่เอง ไม่กี่ปีคุณประยุทธ์ (พล.อ. ประยุทธ์​ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ, นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 29) มารัฐประหารอีกในปี 2557 แล้วบ้านเมืองจะไปรอดเหรอ ลองดูตอนนี้ประเทศไทยตกต่ำที่สุดเลย ไม่มีใครเขายอมรับ ทำให้คิดว่าเราจำเป็นที่จะต้องเข้ามาช่วยเหลือบ้านเมือง เราเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สุขภาพร่างกายของเรายังดี ใจของเรายังโอเคที่จะมาช่วยพี่น้องประชาชน เข้ามาช่วยให้เต็มกำลังความสามารถที่สุด เผื่อจะทำอะไรให้ประเทศชาติและประชาชนดีขึ้น ลืมตาอ้าปากได้บ้าง

 

 

การเลือกตั้งครั้งนี้ตั้งเป้าหมายอย่างไรบ้าง อยากได้กี่ที่นั่ง จำได้ว่าคุณเคยพูดบนเวทีดีเบตของ THE STANDARD เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่แล้วว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ครั้งนี้ตั้งเป้าขนาดนั้นไหมครับ

เลือกตั้งคราวที่แล้วเราได้มา 11.65 ที่นั่ง ควรจะได้ ส.ส. 11 คน ตัวเลข .65 นั้นถ้าปัดตกก็เหลือ 11 ปัดขึ้นก็เหลือ 12 แต่ กกต. ให้มาแค่ 10 ที่นั่ง ร้องเรียนไปก็เงียบ ตอนนี้กติกาบัตรเลือกตั้งเปลี่ยนเป็น 2 ใบ ก็น่าจะมีคนเลือกเรามากขึ้น เพราะ 4 ปีที่ผ่านมาพรรคเสรีรวมไทยทำผลงานไว้เยอะเลย พี่น้องประชาชนเลื่อมใสศรัทธามาก เพราะฉะนั้นคะแนนจากครั้งที่แล้ว 8 แสนคะแนน ก็น่าจะเพิ่มขึ้นไปเป็นล้านกว่าคะแนน หรือ 2 ล้านคะแนน เพราะพอมีบัตร 2 ใบก็ทำให้ประชาชนเขาเลือกเราได้มากขึ้น สมมติเขารักก้าวไกล เลือกผู้สมัครก้าวไกล (ส.ส.เขต) กับเลือกพรรคเสรีรวมไทย (บัญชีรายชื่อ) ได้ เพราะฉะนั้นคะแนนเสียงที่เลือกเราก็อาจจะถึง 3-4 ล้าน

 

ยังอยากจะเป็นรัฐมนตรีอะไรไหม หรือตั้งเป้าอะไรไว้ไหมครับ

ตอนนี้เขารับสมัครเลือกตั้ง เสนอตัวเป็นนายกฯ ถ้าพี่น้องเลือกพรรคเสรีรวมไทยเยอะๆ ผมก็เป็นนายกฯ สิ

 

พร้อมเป็นนายกฯ ไหม

ผมพร้อม ผมเป็นดีกว่าคุณประยุทธ์แน่ล้านเปอร์เซ็นต์เลย ถ้าไม่ดีผมลาออกเลย ไม่มาติดยึด 7 ปี 8 ปีหรอก ให้สัญญาไว้เลย ถ้าผมเป็นนายกฯ 1 ปี แล้วผมทำได้ไม่ดี ผมลาออกเลย เพราะฉะนั้นครั้งนี้ถ้าพี่น้องประชาชนเลือกพรรคเสรีรวมไทย ผมก็พร้อมเป็นนายกฯ แต่ถ้าได้คะแนนไม่ถึงขั้นที่จะได้เป็นนายกฯ ก็แล้วแต่พรรคร่วมรัฐบาล ถ้าพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล ผมก็เข้าร่วมได้ ถ้าคุณประยุทธ์ยังโกงเลือกตั้งอยู่แล้วมาจัดตั้งรัฐบาล ผมก็ไม่เข้าร่วมด้วย

 

ไม่ร่วมกับคุณประยุทธ์?

ก็มันเผด็จการนี่ มันล้างไม่ได้แล้วล่ะ ถูกตราหน้าเป็นเผด็จการ ทำให้บ้านเมืองเสียหาย

 

แล้วคุณประวิตร (พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ) ล่ะครับ

คุณประวิตรเป็นหัวหน้าพลังประชารัฐ แต่สนับสนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะคุณประยุทธ์เป็นคนยึดอำนาจ เสี่ยงชีวิต เสี่ยงการติดคุกติดตะรางใช่ไหม พี่ก็ต้องยอมน้อง คุณประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค แต่เสนอคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ผมถึงปฏิเสธไง ไม่ร่วมกับพลังประชารัฐ 

 

ถ้าเพื่อไทยเขาจำเป็น ต้องร่วมกับคุณประวิตรด้วย แล้วผมล่ะ ผมอยู่ตรงไหน ผมก็เลยบอกว่าผมร่วมกับคุณประวิตรได้ แต่ไม่เอาคุณประยุทธ์

 

แต่วันนี้พร้อมร่วมกับคุณประวิตร

วันนี้คุณประวิตรกับคุณประยุทธ์เขาแยกกัน ถามว่าแยกกันเล่นหรือแยกกันจริง ผมว่าแยกกันจริง เหตุที่แยกกันจริงเพราะคุณประวิตรช่วยคุณประยุทธ์มาตั้งแต่ก่อนเป็น ผบ.ทบ. (ผู้บัญชาการทหารบก) ช่วยเหลือมาตั้งแต่คุณประยุทธ์ยังเป็นทหารเด็กๆ นะ พอคุณประวิตรเกษียณ แล้วคุณประยุทธ์ทำรัฐประหารก็ยังช่วยอยู่อีก ไม่กลัวเสียศักดิ์ศรีเลย เป็นพี่ทำไมต้องมาเป็นรองให้น้อง แต่ว่าพอมา 4 ปีก็แล้ว 6 ปี 8 ปีก็แล้ว ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความก็แล้ว คุณประยุทธ์ก็ยังไม่ยอมลงสักที คุณประวิตรแกก็คงคิดว่าน้องพอได้แล้ว พี่จะได้เป็นบ้าง ถ้าตอนนั้นคุณประยุทธ์ไม่เอานะ คุณประวิตรก็ได้เป็นนายกฯ เพราะเขามี ส.ว. อีก 250 เสียง มันก็คงเกิดความไม่พอใจกัน แล้วก็ต้องมาแยกทางกันเดินอย่างนี้ พอแยกทางเดินก็เป็นพรรคใหญ่ไม่ได้ มันก็ไม่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลหรอก ผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ เขาก็ต้องเป็นคนจัดรัฐบาลถูกไหม เมื่อเป็นคนจัดรัฐบาล จะเอาคุณประวิตรไหม มันไม่ได้อยู่ที่ผมนะ อยู่ที่เพื่อไทยเขา ถ้าเพื่อไทยเขารวมฝ่ายประชาธิปไตยได้ ผมก็คิดว่าเขาอาจจะไม่เอาคุณประวิตร ผมก็ไม่ต้องร่วมกับคุณประวิตร ถูกไหม แต่ถ้าเพื่อไทยเขาจำเป็น ต้องร่วมกับคุณประวิตรด้วย แล้วผมล่ะ ผมอยู่ตรงไหน ผมก็เลยบอกว่าผมร่วมกับคุณประวิตรได้ แต่ไม่เอาคุณประยุทธ์ เพราะว่าถ้าผมยังปฏิเสธคุณประวิตรอยู่ ผมก็ต้องมาอยู่กับคุณประยุทธ์สิ ประชาชนจะเอาอย่างไร อยากจะให้ผมอยู่กับคุณประวิตรหรือคุณประยุทธ์ ผมคิดว่าโดยส่วนตัวของผมนะ พี่น้องจะคิดเหมือนผมไหมก็ตาม ผมว่าถ้าต้องเลือก อยู่กับคุณประวิตรดีกว่าคุณประยุทธ์​ 

 

ดีกว่าอย่างไรครับ 

เป็นผู้ใหญ่ ผ่านการเมืองมาเยอะแยะ เป็นรองนายกฯ รัฐมนตรีกลาโหมมา ไม่รู้กี่สมัยต่อกี่สมัยแล้วนะครับ คุณประวิตรไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนคุณประยุทธ์หรอก อย่างดีก็บอก “ไม่รู้” แล้วก็กลับไป คุณประยุทธ์ตอนพูดถึงคุณเศรษฐา (เศรษฐา ทวีสิน หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย) ด่าเขาใหญ่ แต่คุณเศรษฐาเขาไม่ตอบโต้อะไรคุณประยุทธ์เลย

 

แต่ถ้าพี่น้องประชาชนถามว่า คุณประวิตรก็เป็นส่วนหนึ่งของการสืบทอดอำนาจเผด็จการ แล้วจุดยืนประชาธิปไตยที่คุณเชื่อถือคืออะไรครับ ถ้าจะไปร่วมมือกับคุณประวิตร

ก็บอกแล้วไง สองพรรคนี้เขาแยก แยกขาด แล้วอีกประเด็นก็คือคนยึดอำนาจคือคุณประยุทธ์ ไม่ใช่คุณประวิตร ไม่ใช่คุณอนุพงษ์ (พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลประยุทธ์)

 

คุณเชื่อมากๆ เลยใช่ไหมว่าคุณประวิตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ

แน่นอน คุณเอาตรรกะจริงๆ มาพูดกัน คุณประวิตรเกษียณไปเป็น 10 ปีได้แล้วมั้ง ไม่มีกำลัง ไม่มีอาวุธ คุณอนุพงษ์ก็เกษียณไป 5 ปีได้ ไม่มีกำลัง ไม่มีอาวุธ แล้วจะมายึดอำนาจด้วยกันได้อย่างไร วันยึดอำนาจ คุณประยุทธ์นั่งแถลง มีผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถามว่าที่ไปนั่งอยู่เนี่ยมันไปร่วมยึดอำนาจด้วยหรือเปล่า ก็เปล่า ไปย้อนดูเถอะ ปี 2549 คุณโกวิท (พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ) มานั่งอยู่ด้วย ก็ไม่ได้ไปยึดอำนาจกับเขา เพราะตำรวจเรามีภาระเยอะแยะ ไม่มีปัญญาที่จะมายึดอำนาจหรอก พอยึดอำนาจเขาก็เรียกมา ไม่มาเขาก็ปลด

 

แต่การมานั่งอยู่ด้วยก็แปลว่าเห็นด้วยกับการยึดอำนาจหรือเปล่าครับ 

เขาก็ไม่ได้เห็นด้วยหรอก แต่ให้ทำอย่างไร ไม่มาก็ไม่ได้

 

คนอาจจะมองว่าตอนนี้คุณเหมือนจะกำลังปกป้องคุณประวิตรหรือเปล่า

ไม่ได้ปกป้องหรอก ถึงได้บอกว่าถ้าพรรคเพื่อไทยเขาเอาเราก็เอา เขาไม่เอาเราก็ไม่เอา เพื่อไทยเป็นหลักเลย ถ้าผมไม่เอาคุณประวิตร จะให้ผมมาอยู่กับคุณประยุทธ์เหรอ ไม่เอาคุณประวิตร ผมก็เป็นฝ่ายค้าน คุณประยุทธ์ก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน แล้วผมจะอยู่กับคุณประยุทธ์ได้อย่างไร 

 

ถ้าผมไม่เอาคุณประวิตร จะให้ผมมาอยู่กับคุณประยุทธ์เหรอ ไม่เอาคุณประวิตร ผมก็เป็นฝ่ายค้าน คุณประยุทธ์ก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน แล้วผมจะอยู่กับคุณประยุทธ์ได้อย่างไร 

 

สมมติว่าคุณประวิตรรวมเสียงได้จริงๆ เป็นเสียงฝั่งของเขาทั้งหมด ไม่ได้รวมกับเพื่อไทย อาจจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองบางอย่างที่ทำให้คุณประวิตรจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้ 

ผมก็ไม่เอา 

 

ก็จะเป็นฝ่ายค้าน 

ใช่

 

 

ประชาชนที่เลือกคุณเขาอาจจะรู้สึกว่าทั้งคุณประยุทธ์ ทั้งคุณประวิตร เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าคุณบอกว่าพร้อมยกมือให้คุณประวิตร คิดว่าเขาจะเข้าใจไหมครับ

ที่ผมพูดไปเขาเข้าใจแน่ เพราะถ้าไม่เอาคุณประวิตรเลย ก็ต้องมาอยู่กับคุณประยุทธ์ หรือถ้าเพื่อไทยไม่เอาคุณประวิตร ผมก็ไม่อยู่กับคุณประวิตรอยู่แล้ว ถูกไหม ผมกับท่านนายกฯ ทักษิณ (ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 23) เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน ผมนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 24 ทักษิณรุ่น 26 ผมปกครองเขามาตั้งแต่เป็นนักเรียน 

 

ที่คุณยืนยันมาตลอดว่าไม่เอาคุณประยุทธ์ อันนี้มีเรื่องส่วนตัวด้วยหรือเปล่าครับ เพราะเห็นว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง มีเส้นทางการเติบโตในอาชีพคล้ายๆ กัน

ไม่ได้มีเหตุโกรธเคืองอะไรเลย ผมรับราชการอยู่ภาคอีสาน คุณประยุทธ์รับราชการอยู่ภาคตะวันออก ไม่เคยรู้จักคุณประยุทธ์เลย 

 

ไม่รู้จักมาก่อนเลย ไม่เคยคุยมาก่อนเลย?

ไม่รู้จัก ไม่เคยคุย ตอนที่ผมเป็น ผบ.ตร. คุณประยุทธ์เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก็เห็นตามข่าว ไม่เคยคุยส่วนตัว หรือแม้แต่คุณประยุทธ์จะบอกว่าแต่งงานก็วันเดียวกัน รับเหรียญรามาฯ (เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลา เข็มกล้ากลางสมร และเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1) คุณประยุทธ์ก็ได้เหมือนกัน เขาเห็นผม แต่ผมไม่เห็นเขา

 

เหตุการณ์ที่รัฐสภาในปี 2562 ที่คุณประยุทธ์ประกาศตัดพี่ตัดน้อง คนก็เข้าใจว่าเป็นพี่เป็นน้องกันมา มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและกัน

ผมก็ถือว่าเขาเป็นรุ่นน้อง เขาก็ถือว่าผมเป็นรุ่นพี่แค่นั้นเอง ไม่เคยมีความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่เคยเจอะเจอมาก่อนเลย ถึงจะตัดพี่ตัดน้องผมก็ไม่ได้สนใจ ปกติเราก็ไม่ได้คบกันอยู่แล้ว ถามว่าเสียใจไหม ผมก็พูดยั่วให้มันตลกไปเท่านั้นเอง “โอ๊ย คุณตัดพี่ตัดน้องกับผม โอ๊ย อยากจะร้องไห้” 

 

คุณประยุทธ์มีข้อดีบ้างไหมครับในมุมมองของคุณเสรีพิศุทธ์

แหม หายากจริงๆ นะ (ยิ้ม) หายากนะ เขาทำให้ประเทศชาติเสียหาย ไม่สามารถเอาข้อดีหรือความดีมาลบล้างการทำให้ประเทศชาติเสียหายได้หรอก เดี๋ยวนี้คนไทยเป็นหนี้มากขึ้น หนี้ประเทศ 10 ล้านล้านบาท คนไทยก็ยากจนลง ผมไปหาเสียงเมื่อปี 2562 ถามพี่น้องประชาชนว่าใครไม่เป็นหนี้บ้าง ยังมียกมือสัก 10% เดี๋ยวนี้ถามใครไม่เป็นหนี้บ้าง ไม่มียกมือเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนเป็นหนี้หมด ทำไม 8 ปีที่ผ่านมาเขาไม่สามารถกอบกู้ประเทศจากเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาได้

 

 

ถ้ามีคนตั้งคำถามว่าถ้า พล.อ. ประวิตรขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ยังเหมือนเดิม เพราะถูกหล่อหลอมมาด้วยความคิดคล้ายๆ กัน แล้วคุณคิดอย่างไร  

ผมก็ไม่เอานะ ถ้าคุณประวิตรมาเป็นนายกฯ ผมก็ไม่เอา ถ้าคุณประวิตรแค่ไปร่วมรัฐบาลถึงจะโอเค คุณประวิตรถึงแม้จะไม่ได้ยึดอำนาจมาด้วยตัวเอง แต่ถ้าคุณประวิตรเป็นนายกฯ ผมก็ไม่เอา 

 

คุณเคยบอกว่าอยากปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูประบบราชการ อะไรอีกหลายอย่างเลย ถ้าเกิดว่าคุณประวิตรอยู่ในรัฐบาลเดียวกัน คิดว่าจะปฏิรูปกองทัพได้จริงๆ เหรอครับ 

ถ้าถามอย่างนี้ต้องดูว่าคุณประวิตรจะอยู่ในฐานะไหน ถ้าเขาไม่ได้เป็นนายกฯ ผมเป็นรัฐมนตรี มันก็เป็นอำนาจของผม มาเกี่ยวอะไรกับคุณประวิตรล่ะ

 

คุณประวิตรอาจจะยังมีสายสัมพันธ์ ยังมีพี่น้องอยู่ในกองทัพ

สมมติผมเป็นรัฐมนตรีกลาโหม หรือเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ก็ต้องว่าไปตามผม คนที่จะคุยกับผมได้คือนายกรัฐมนตรีเท่านั้นนะครับ 

 

มันจะมีความเกรงใจเกิดขึ้นไหมครับ 

ผมไม่เกรงใจหรอก ผมต้องการปฏิรูปประเทศ ถ้าสมมติผมเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ผมต้องการปฏิรูป เพราะทหารคือปัญหาของประเทศ เป็นปัญหามากเลย แล้วใครไปแตะไม่ได้ ยุ่งไม่ได้ ทหารเนี่ยทุจริตตลอด แต่เป็นการบังหลวง คนก็ไม่รู้ ไม่เหมือนตำรวจ มันไม่มีงบประมาณนี่ ก็ต้องมาหาพ่อค้า นายทุนต่างๆ คุณก็เลยรู้ว่าตำรวจฉ้อราษฎร์ แต่ทหารบังหลวง ทหารไม่ต้องไปติดต่อใคร กำหนดงบประมาณมาแล้วก็โกงงบประมาณ เอาตัวอย่างง่ายๆ ถามว่าเกณฑ์ทหารโกงไหม ก็เป็นข่าวตลอดเวลา รู้ไหมเขาโกงอย่างไร ทหารต้องตัดเสื้อให้ใช่ไหม ชุดทหาร กางเกง ชุดชั้นใน เข็มขัด หมวก ถุงเท้า รองเท้า ชุดกีฬา ชุดนอน เขาเลือกบริษัทนี้ประจำมาร้อยปีแล้วก็เจ้าเดิม กินส่วนแบ่งไป 30-40% กำหนดแผนการฝึกไว้ก็ไม่ฝึกให้ครบหรอก ไม่ต้องฝึกหรอก ทหารไปปฏิบัติที่ไหนก็โกง ผมกล้าพูดอย่างนี้เลย

 

จากเรื่องทั้งหมดนี้ คุณบอกว่าทหารจับไปที่ไหนก็โกง แล้วตำรวจไม่เป็นอย่างนั้นเหรอครับ ทั้งฉ้อราษฎร์และบังหลวง 

ก็ไม่ดีทั้งคู่

 

 

อย่างนี้คุณจะบอกว่าเราเข้าใจตำรวจได้เหรอครับ 

เข้าใจไม่ได้ แต่ปัญหาก็คือว่าทหารเนี่ย วันๆ ตั้งงบประมาณ ไม่มีงานทำ วันๆ ก็คิดแต่จะเอางบ แต่ตำรวจไม่รู้จะโตไปไหนนะ ไม่รู้จะไปหายศ หาตำแหน่งที่ไหน ก็ต้องโตไปตามนี้ รุ่นผมมีพล.ต.อ. 2 คน ได้เป็นแค่ 2 คนเอง แต่พวกทหารบกนะ พอโตไม่ได้ก็แยกไปอยู่กองบัญชาการทหารสูงสุด แยกไปอยู่กระทรวง แยกไปอยู่ กอ.รมน. มันถึงเป็นปัญหาของประเทศไง ในเรื่องงบประมาณ บุคลากรต่างๆ ทั้งหลาย มีกองทัพภาคที่ 1, 2, 3, 4 แล้วนะ แล้วจะมีทำไมกองทัพน้อยที่ 1, 2, 3, 4 อีก อยากได้ยศ ได้ตำแหน่ง อยากจัดซื้อจัดหาอะไรเพิ่มเติมขึ้นมา รถถัง เรือดำน้ำ เรือรบ อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ซื้อ ซื้อทำไม จะไปรบกับใคร ทหารหยุดทำงานสักเดือนหนึ่งประเทศยังอยู่ได้เลย ตำรวจหยุด 7 วันได้ไหม คดีปล้น ฆ่า ข่มขืนกันเยอะแยะไปหมด แล้วควรจะสนับสนุนงบประมาณให้ใคร

 

ยืนยันว่าจะแก้ปัญหานั้นได้อยู่ดีแม้ว่าคุณประวิตรจะอยู่กับรัฐบาลเพื่อไทย

แก้ได้ มันคนละกระทรวงกัน จะมาก้าวก่ายอะไรผมได้ ก้าวก่ายก็มีเรื่องสิ (ยิ้ม) ผมไม่ได้เกรงใจนี่ ผมอายุ 74 ปีแล้วนะ เกษียณมาจะ 14-15 ปีแล้ว ผมยังแข็งแรงอยู่นะ ร่างกายก็ดี สมองดี ผมมองไปที่ข้าราชการ ผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหลาย อธิบดีทั้งหมด ปลัดทั้งหมด ผู้ว่าฯ ทั้งหมด เด็กๆ ทั้งนั้นเลย ผมมองกลับไปตอนตัวเองเป็น ผบ.ตร. นะ ตอนนี้ผมฉลาดกว่าเยอะแยะเลย ผมพร้อมโดยเฉพาะใจ ที่จะทำให้ประเทศชาติและประชาชน เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีต้องเลือกผู้สมัครของผม และเลือกพรรคเสรีรวมไทย ผมจะทำให้พี่น้องประชาชนไม่ผิดหวัง 1 ปีต้องเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ได้หมายความว่าเสร็จสิ้นนะ 1 ปีต้องเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่มีอะไรดีขึ้น ผมลาออก

 

เมื่อสักครู่นี้พูดถึงคุณทักษิณ ชินวัตร และผมก็เห็นเมื่อกี้คุณให้สัมภาษณ์กับทีมงาน THE STANDARD ทาง TikTok บอกว่า ถ้าคุณทักษิณกลับบ้าน ตอบ Yes ทำไมถึงคิดแบบนั้นครับ

คุณทักษิณถึงจะเป็นรุ่นน้องผมนะ แต่ก็เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ความรู้ ความสามารถ สติปัญญาสูง เราก็เสียดายบุคลากรแบบนี้นะ อยากให้เขามาช่วยบ้านเมือง พูดจากใจเลยนะครับ อยากให้มาช่วยชาติบ้านเมือง ไม่ใช่อยู่ที่ดูไบ ได้แต่ส่งเสียงมาเท่านั้น จะเข้ามาด้วยวิธีใดไม่ใช่เรื่องของผม แต่ถามว่าอยากไหมก็อยากให้เขามาช่วยกันแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองนะครับ 

 

กังวลไหมครับว่าถ้าคุณทักษิณกลับมา ความขัดแย้งหรือความคิดเห็นที่แตกต่างกันก็จะปะทุขึ้นอีกครั้ง

ผมไม่กังวลหรอกครับ มีปัญหาอะไรก็แก้กันไป 

 

อีกเรื่องที่คนรุ่นใหม่อยากจะทราบพอสมควร เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันเยอะในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมาก็คือเรื่องของมาตรา 112 ตรงนี้จุดยืนของคุณและพรรคเสรีรวมไทยคืออะไรครับ

เห็นพรรคหนึ่งที่สนับสนุนม็อบต่างๆ บอกว่าอยากจะยกเลิก พอมีกระแสขึ้นมา หลายๆ พรรคก็บอกว่าไม่เอา ไม่ยกเลิก ตอนนี้ก็แบ่งเป็น 2 ฝ่าย ยกเลิกกับไม่ยกเลิก ผมจะพูดจากคนมีประสบการณ์ ผมเคยถูกตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 2 คดีด้วยกัน กฎหมายตัวนี้ถ้ายังใช้อยู่โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ถูกต้องมันก็สามารถยัดเยียดกันได้ ตอนที่ผมเป็น ผบ.ตร. มีความคิดความอ่าน มีประสบการณ์สืบสวนสอบสวน ก็สามารถหลอกล่อพนักงานสอบสวนที่ต่ำกว่าผม ประสบการณ์น้อยกว่าผมได้ จนยกฟ้องหมด แต่ถ้าประชาชนมาเจออย่างนี้สู้ได้เหรอ สู้ไม่ได้หรอก ถามว่ากฎหมายนี้ต้องเปลี่ยนไหม ต้องเปลี่ยน ต้องแก้ แต่ไม่ใช่ยกเลิก บางพรรคบอกต้องยกเลิก บางพรรคบอกไม่ยุ่ง แต่ของผมต้องแก้ แก้อย่างไร ใครปลงพระชนม์ โทษประหารชีวิต ใครเตรียมการเพื่อปลงพระชนม์ โทษจำคุกตลอดชีวิต ลดลงมาเรื่อยๆ นะ ดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย จำคุก 3-15 ปี ทุกวันนี้ใครดูหมิ่นอย่างต่ำจำคุก 3 ปี 10 ปี 15 ปี โทษมันเยอะมากนะ เราก็เลยมาดูรายละเอียด อาฆาตมาดร้าย กับดูหมิ่น หมิ่นประมาท อันไหนหนักกว่ากัน เมื่ออาฆาตมาดร้ายหนักกว่า แต่มาอยู่ในกลุ่มที่เบากว่า คนที่จะตัดสิน ศาลไม่รู้จะเอาอย่างไรก็เอา 10 ปี 15 ปี ประชาชนก็แย่สิ เราต้องการให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าไม่มีกฎหมายนี้เลย ชาวบ้านประชาชนด่าทุกวัน จะไม่มีเกราะป้องกันอะไรเลยเหรอ ก็เอาอาฆาตมาดร้ายไปอยู่กับมาตราที่เป็นเรื่องการปลงพระชนม์ หรือเตรียมการปลงพระชนม์ โทษจะจำคุก 3-15 ปีเหมือนเดิมก็ว่าไป แต่ว่าดูหมิ่น หมิ่นประมาท ลดลงเป็นไม่เกิน 3 ปี ประชาชนก็เบาขึ้น

 

อีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจคือเรื่องของนโยบาย ปกติผู้นำต้องเลือก เพราะเวลาค่อนข้างจำกัด จะเลือกทำอะไร ไม่เลือกทำอะไร สมมติมีโอกาสได้มีอำนาจขึ้นมา อะไรคือนโยบายเดียวเลยที่คุณจะทำ

สิ่งที่จะต้องทำประการแรกคือ ขูดไขมันออกจากกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ที่ผมรับผิดชอบ ถ้าเป็นนายกฯ ก็เอามันทุกกระทรวง ทบวง กรมเลย ขูดไขมันออก ผมก็คิดย้อนตอนที่ผมเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินะ ก็ไม่ได้คิดถึงประเทศหรอก ผมคิดว่าทำอย่างไรให้ตำรวจเจริญ ให้มีงบประมาณมากที่สุดมาบริหาร ผมก็เชื่อว่าอธิบดี ปลัดกระทรวง เขาก็คิดแบบนี้ งบประมาณถึงล้นไง งบประมาณมันถึงเกิน เยอะแยะเลย พอส่งไปสำนักงบประมาณ เขาก็เป็นข้าราชการประจำไม่คิดอะไรหรอก ตัดคนนู้นคนนี้บ้าง เกรงใจทหารก็ให้ทหารเพิ่ม ส่งมานายกฯ แล้วนายกฯ จะมีปัญญาอ่านเหรอ ถ้าผมมีอำนาจตรงนั้นนะ ลองเปรียบเทียบดู 3 ครอบครัวได้เงินเดือนละ 2 แสนเท่ากัน ครอบครัวแรกใช้เงินหมดเลย พออายุมากขึ้น เจ็บป่วยไข้ต่างๆ คุณจะใช้อะไรล่ะ เมื่อคุณไม่รู้จักเก็บหอมรอมริบ ครอบครัวที่ 2 โอ้โฮ สุขสำราญ เสวยสุข กิน เที่ยวอะไรต่างๆ ไม่สนใจ เงินไม่พอก็กู้หนี้ยืมสิน บ้านก็ถูกยึด ที่ดินก็ถูกยึด ที่อยู่ก็ไม่มี แต่ครอบครัวที่ 3 จะซื้ออะไรคิดแล้วคิดอีก กินอะไรเฉพาะที่จำเป็น ไม่เที่ยว เก็บหอมรอมริบไว้ คุณคิดว่าครอบครัวไหนจะเจริญกว่ากันล่ะ ครอบครัวหลังสุดใช่ไหม ประเทศชาติก็เหมือนกัน ถ้าคุณใช้งบประมาณเกินกว่าที่คุณหาได้ก็จะติดหนี้ เพราะฉะนั้นถ้าระบบงบประมาณเป็นอย่างนี้ 3 ล้านล้านบาท แล้วเราเก็บภาษีได้แค่ 2.7 ล้านล้านบาท เราต้องกู้ แต่ถ้าเราใช้น้อย ใช้ต่ำกว่านี้ก็จะมีเหลือเก็บถูกไหม อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อ แม้กระทั่งยุบบางหน่วยก็ต้องยุบ รู้ได้ด้วยใจเป็นธรรม ควรจะยุบตรงไหนอะไรอย่างไร 

 

เมื่อกี้คุณก็เล่าว่าตอนที่ทำงานอยู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็คิดถึงแต่หน่วยงานตัวเองอย่างเดียว ไม่ได้คิดถึงภาพใหญ่สักเท่าไร ถ้าวันนี้ไปบอกว่าต้องลดงบประมาณ คิดว่าจะมีแรงต่อต้านไหมครับ

ผมมีอำนาจนี่ แล้วผมก็มีเหตุผล เราทำอะไรประชาชนก็รู้ สามารถชี้แจงเหตุผลได้ แล้วคุณจะมาต่อต้านอะไร ไม่มีปัญหาหรอก เรื่องเหล่านี้ คนเราพูดด้วยเหตุผลมันต้องเข้าใจ ไม่เข้าใจก็มีเรื่องกัน ถูกไหม

 

ขอกลับมาที่ความเป็นผู้นำของคุณเสรีพิศุทธ์ หลายคนมองคุณเป็นฮีโร่ เป็นวีรบุรุษนาแก ฮีโร่ของคุณคือใครครับ มีไหม

อืม (นิ่งคิด) มีหลายประเภทนะ แต่ที่ผมศรัทธาคือท่านสุรยุทธ์ จุลานนท์ (พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี) แล้วก็รองลงมาก็ท่าน พล.อ. เปรม (พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์) เพราะทั้งสองท่านเป็นผู้นำที่ดี ซื่อสัตย์ ผมทำงานกับท่าน พล.อ. เปรม ตอนที่ผมทำงานที่นาแก ตอนนั้นท่านเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ท่านมองมาเห็นเรา สนับสนุนให้เราได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ท่านสุรยุทธ์ก็เหมือนกัน คนดี ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ค่อยพูด แต่ท่านก็มองเห็นคุณค่าในตัวผม แต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 

 

พล.อ. เปรม, พล.อ. สุรยุทธ์, พล.อ. ประยุทธ์ มีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหนครับ

อย่ามาเทียบกันเลย (หัวเราะ) อย่ายกมาเทียบ ไม่คู่ควรกันเลย 

 

 

เมื่อกี้พูดถึงการเป็นผู้นำของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปกติวิธีการปกครองคน วิธีการคุยกับลูกน้อง ทีมงาน คุณมีวิธีการอย่างไร

เราไม่ได้ทำงานด้วยตนเอง เมื่อเป็น ผบ.ตร. ก็ไม่ได้จับผู้ร้ายเอง เพราะฉะนั้นก็ต้องดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชา ที่นาแกผมดูแลลูกน้องนะ เดี๋ยวนี้ ผบ.ทบ., ผบ.ตร. ทำงานสู้ผมตอนเป็นสารวัตรไม่ได้ ตอนนั้นผมมีผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานกับผม 500 กว่าคน แต่ละเดือนผู้ใต้บังคับบัญชาจะไปเซ็นกับร้านค้าไว้ เอาข้าวของจากตลาดมาใช้ก่อน แล้วส่งบัญชีมาให้การเงิน หักแล้วเงินเดือนเหลือแค่ 20 บาท แล้วจะอยู่ได้อย่างไร ผมก็เลยคิดว่าทำสวัสดิการให้ดีกว่า ก็ตั้งร้านค้าสวัสดิการ ขายสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด คุณไม่ต้องไปซื้อข้างนอก มาซื้อในนี้ แก้ปัญหาลูกน้องเป็นหนี้ จากที่กู้คนอื่นร้อยละ 10 ร้อยละ 20 มาที่นี่ กู้ร้อยละ 1 เอาไปใช้หนี้ เอาไปโปะหนี้ให้หมดเลย เงินเดือนก็เหลือมากขึ้น สามีมีงานทำ ภรรยาไม่มีใช่ไหม ส่งไปฝึกอาชีพ พ่อแม่ไปทำงาน ลูกจะอยู่กับใคร ก็จัดหาสถานที่ให้ข้างโรงพักเลย เลี้ยงดูให้ อาหารการกินทุกอย่างฟรี ตำรวจก็ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น หนี้สินก็ไม่มี ใครทำความดีความชอบ อันนี้ก็สำคัญนะ ใครทำดีก็ต้องได้ดี ใครทำไม่ดีก็ต้องลงโทษ ซึ่งผิดกับตอนนี้ ผบ.ตร. ยังทำแบบนี้ไม่ได้เลย ถ้าจะทำได้ก็ต้องใช้เวลาอีกมาก เพราะหน่วยใหญ่ขึ้น แต่ตอนนั้นมัน 500 คน

 

เรื่องสารทุกข์สุกดิบ ชีวิตความเป็นอยู่ ผมเข้าใจ แต่เรื่องความดีความชอบ ก็จะมีอีกด้านหนึ่งก็คือเรื่องนายใคร ลูกน้องใคร เรื่อง Seniority เรื่องพวกพ้อง สมมติมีคนหนึ่งเก่งมากๆ ไม่ค่อยรู้จักใคร อีกคนเก่งกลางๆ แต่มีความสัมพันธ์ที่ดี 2 คนนี้ใครจะขึ้นก่อนครับ 

ถ้าเก่งมากๆ ก็ต้องขึ้นก่อนครับ ถ้าใกล้เคียงกันก็อีกเรื่องหนึ่ง พูดตรงๆ นะ

 

หมายความว่าอย่างไรครับ 

เคยได้ยินชื่อ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้วไหม ลูกน้องผม ผมไปอยู่นาแกก็เอาคุณอดุลย์ไปอยู่ด้วย ผมไปอยู่มุกดาหารก็เอาคุณอดุลย์ไปอยู่ด้วย ผมเลี้ยงดูฟูมฟักให้เจริญก้าวหน้าในชีวิตราชการมาโดยตลอด คุณอดุลย์ก็เป็นอดีตรัฐมนตรีตอนรัฐประหาร 2557 ตอนนี้มาเป็น ส.ว. ก็ยังมาหาผมตลอด ก็เหมือนประวิตรกับประยุทธ์ แต่ตอนที่คุณประยุทธ์ยึดอำนาจที่ไหน ผมรู้ว่าคุณอดุลย์เขาไม่ได้ไปเกี่ยวด้วย ถูกไหม 

 

ในยุคสมัยแบบนี้ที่คนจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ สายสัมพันธ์แบบนี้ Seniority แบบนี้ คิดว่ายังจำเป็นอยู่ไหม แล้วต้องปรับ ต้องปฏิรูปอะไรไหมครับ

ไม่หรอก ตอนนี้คนก็มีความคิดความอ่านมากกว่าเดิม ผู้บัญชาการทำอะไรไม่ถูก เจอรองผู้บัญชาการที่เขาเข้มมา เขาก็คัดค้าน เขาก็สู้นะ ผู้บัญชาการจะทำอะไรรองผู้บัญชาการก็ไม่ได้แล้ว นอกจากเป็นความชั่วจริงๆ จะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ถ้าทำตัวไม่ถูกนะ แต่ถ้าอำนาจภายนอกอย่างนายกฯ เข้ามา หลีกเลี่ยงไม่ได้ลูกน้องเขาก็เข้าใจ 

 

เข้าใจก็หมายถึงยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีอยู่ใช่ไหมครับ

ก็รัฐบาลอย่างนี้มันก็ต้องมีสิ

 

ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ข่าวที่ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับวงการตำรวจมีเยอะเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นทุนสีเทา การย้ายตำแหน่ง คุณมองเข้าไปแล้วรู้สึกอย่างไร คิดเห็นอย่างไรครับ 

มันสืบเนื่องมาจากผู้นำก็คือนายกรัฐมนตรี ที่มาเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตํารวจ (ก.ตร.) ในการออกพระราชบัญญัติตำรวจใหม่ เมื่อปีที่แล้วนะ ผมก็คัดค้านว่าไม่ควรให้นายกฯ มาเป็นประธาน ก.ตร. เพราะนายกฯ มาแล้วก็ไม่ได้สนใจงานตำรวจเลย มาประชุม รับเบี้ยประชุมแล้วก็ไปแล้ว ส่วนตำรวจจะเป็นอย่างไร ทำผิดกฎหมาย ทำความเดือดร้อน ก็ไม่ได้สน ก็ไม่ได้คิดแก้ ผมเสนอแนวคิดไปให้กรรมาธิการ จะเปลี่ยนให้ประธาน ก.ตร. มาจากการเลือกตั้งจากอดีตตำรวจ คุณประยุทธ์ก็ไม่ยอม แนวความคิดผมคือให้เลือกตั้งอดีตผู้บัญชาการตำรวจที่เกษียณแล้ว ใครชนะก็เป็นประธาน ก.ตร. 

 

ปัญหาก็จะหมดไปเลยเหรอครับ

ปัญหาก็ต้องใช้เวลาหน่อย ตอนนี้มันหมักหมมมานาน ถ้าประธาน ก.ตร. มาจากการเลือกตั้ง เขาก็ไม่ต้องสนใจคุณประยุทธ์ สามารถบริหารงานนี้อย่างเดียว ไม่ต้องทำอย่างอื่นอีก 

 

สรุปว่าต้นเหตุปัญหาของวงการตำรวจเกิดขึ้นจากคุณประยุทธ์

ไม่ใช่คุณประยุทธ์ แต่เกิดจากการที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาคุมตำรวจนี่แหละ

 

แต่ตัวบุคคลในวงการเองไม่มีสิ่งที่ต้องแก้ไขเลยเหรอครับ 

วงการตำรวจเหรอเลอะเทอะมาแล้ว ก็ต้องแก้ เป็นหน้าที่ของประธาน ก.ตร. ที่มีความอิสระของตัวเอง ไม่ใช่ถูกครอบงำโดยนายกรัฐมนตรีอย่างนี้ เลอะเทอะแล้วก็ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา

 

พอเข้าใจแนวคิดทั้งหมดครับ เท่าที่ฟังมาทั้งหมด คุณก็ทำผลงานมามากมาย ทั้งลงมือทำเอง และเป็นผู้บริหาร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเคยมีความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นบ้างไหม

ไม่เห็นมีเลย ไม่เห็นมีนะ เราตรงไปตรงมา ที่ผ่านมาก็ทำมาถูกแล้ว ทำมาดีแล้ว ก็ยังอยากใช้ระบบนี้ แนวนี้ไปแก้ไขปัญหาส่วนราชการอื่นด้วยซ้ำไป

 

แน่นอนว่าที่ผ่านมามีทั้งมิตรแท้และศัตรู เวลามีศัตรูคุณจัดการอย่างไรครับ

บางทีมีศัตรู เราก็ไม่รู้นะ เพราะเราเป็นคนที่จริงใจกับคนทุกคน แต่ตอนผมเป็น ผบ.ตร. ก็มีรอง ผบ.ตร. คนหนึ่งอยากจะแย่งตำแหน่ง ก็ร่วมมือกับนายกฯ สมัคร (สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 25) หาเรื่องผม โดยใช้อดีตนายเวรที่ผมปลดออกจากราชการไปแล้วมาเป็นเครื่องมือ พยายามจะย้ายผม ตั้งกรรมการสอบสวนผม (พ.ศ. 2551 เสรีพิศุทธ์ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี) เราก็สู้ไปอย่างที่บอก ในที่สุดเราก็ชนะคดีในศาลปกครอง 

 

 

เราคุยกันเรื่องผู้นำหลายมิติ ผู้นำทางการเมือง ผู้นำตำรวจ แล้วก็อยากจะคุยเรื่องสุดท้ายคือเรื่องผู้นำครอบครัว มีคนกล่าวว่าใหญ่กว่านายกรัฐมนตรีก็คือภรรยานายกรัฐมนตรี คนที่ใหญ่กว่า ผบ.ตร. คือภรรยา ผบ.ตร. จริงไหมครับ

ไม่จริงอะ ผมเป็นผู้นำนะ ดูแลครอบครัวมาโดยตลอด แม้กระทั่งลูกเต้าผมก็ดูแลมาเรื่อยนะ 

 

เกรงใจภรรยาไหมครับ

เคยเห็นภรรยาผมมายุ่งอะไรไหม ไม่เคย ไม่ว่าจะช่วงเป็นตำรวจหรือมาเล่นการเมือง ลูกก็ไม่เคยยุ่ง เพราะผมบอกห้ามยุ่ง ยุ่งแล้วเดี๋ยวมีปัญหา ทุกคนก็ฟังผม น้องผมมี 5 คน ยังไม่มีหือมีอือกับผมเลย เพราะผมให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เงินทองตอนพ่อแม่เสีย ผมไม่เคยเอาไว้เองเลย แบ่งปันให้น้องหมดนะครับ ปัจจุบันน้องคนรองอายุ 73 ปีแล้ว อายุน้อยกว่าผมปีเดียว ก็ยังให้ความเคารพนับถืออยู่ ไม่มีแตก ไม่มีแยกอะไรกันเลย ตอนเป็นตำรวจ ผมมีอำนาจที่จะรับคนเข้ามาด้วย แต่ก็เปิดรับสมัครหมด มีกี่อัตราเปิดรับสมัครหมดเลย ไม่ใช้อำนาจตัวเองเอาคนนู้นคนนี้เข้ามา แทนที่ลูกชาวบ้านจะได้เป็นตำรวจก็ไม่ได้เป็น ลูกของผมก็ไม่ได้เป็นตำรวจสักคน ให้ดำรงชีวิตตามปกตินี่แหละ สู้ชีวิตไป

 

ถ้าเขาอยากเป็นล่ะครับ

จริงๆ แล้วผมได้เหรียญรามาธิบดีนะ ถ้าเข้าเตรียมทหารได้คะแนนเพิ่มตั้งเยอะแยะ แต่ผมไม่เอา ไม่ให้ลูกเข้า เราไม่อยาก เขาก็ไม่อยาก ลูกผมก็ไปเรียนวิศวกรรมศาสตร์คนหนึ่ง อีกคนไปเรียนพาณิชยศาสตร์และการบัญชีที่จุฬาฯ อีกคนจบมหิดล ให้เขาใช้ชีวิตของเขา ทำมาหากินเอง

 

เป็นพ่อที่ดุหรือใจดีครับ

ผมก็ไม่ถึงกับดุนะ แต่ถ้าลูกทำไม่ถูกก็ต้องพูดกัน หรือแม้กระทั่งเป็น ส.ส. ก็ไม่เคยเอาลูกเข้าสภา ไม่เคยเอาลูกมาเป็นกรรมาธิการนู่นนี่ ไม่เคย ไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยว เดี๋ยวความเป็นธรรมจะไม่เกิดขึ้น 

 

เป็นสามีอย่างไรครับ มีความโรแมนติกไหม

ผมก็ไม่ค่อยโรแมนติกเท่าไรหรอก (หัวเราะ) ตัวตนก็เป็นอย่างนี้ จะโรแมนติกได้ไง

 

สุดท้ายถ้ามีคนอยากขอคำแนะนำในการเป็นตำรวจที่ดี ก้าวหน้าในอาชีพราชการ เขาต้องทำอย่างไรบ้าง คำแนะนำจากรุ่นพี่ครับ

ตำรวจหลายคนไม่เข้มแข็งพอ พอมีอะไรเกิดขึ้นก็มักจะท้อใจ ตอนปี 2534 รสช. (คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ) มายึดอำนาจ ย้ายผมไปประจำโคราช ผมก็ไป วันเสาร์-อาทิตย์ผมจะขับรถกลับกรุงเทพฯ ก็พยายามให้ตำรวจทางหลวงห้ามไม่ให้ผมกลับ ผมก็ไม่สนใจ มาได้ไม่เห็นมีอะไร ต่อมาผมเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ มีผลงานเยอะแยะ จับบ่อนประตูน้ำ บ่อนลอยฟ้า ผลงานที่ไม่เห็นก็อีกเยอะแยะ ตอนนั้นโกวิท วัฒนะ เป็น ผบ.ตร. โกวิทเรียนรุ่นเดียวกับประวิตร เอาพัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายประวิตร มาเป็นอันดับ 1 ที่จะได้รับตำแหน่งต่อ ย้ายผมไปเป็นที่ปรึกษา สวรรค์มีตา ท่านสุรยุทธ์มาเป็นนายกฯ ผมถึงได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร. แต่ผมไม่เคยท้อถอย สู้ไป ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้

 

ต้องมีทั้งบู๊และบุ๋นเหมือนกันนะครับ

แน่นอน อยู่ภาคตะวันออกเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหลายก็โดนผมล่อหมด ในกรุงเทพฯ ก็โดนหมด ปราบปรามขนาดนี้ไม่บู๊เหรอ บุ๋นก็เรื่องนโยบายต่างๆ 

 

ในชีวิตนี้มีอะไรที่คุณกลัวบ้างไหมครับ 

สมัยเด็กๆ ตายยังไม่กลัวเลย อยู่อีกไม่กี่ปีก็ตายแล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรหรอก เรายึดมั่นความถูกต้อง ยึดมั่นที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน อยากจะทำให้เต็มที่ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X