ถึงวันนี้ ‘เดอะมอลล์ กรุ๊ป’ ได้เปิดให้บริการศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ โฉมใหม่มาเป็นระยะเวลา 2 เดือนแล้ว พร้อมย้ำชัดว่าในพื้นที่รัศมี 50 กิโลเมตร เดอะมอลล์จะเป็นศูนย์การค้าที่มีสินค้าแฟชั่นมากถึง 500 แบรนด์
และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ดึงลูกค้าได้อย่างมากคือโซนร้านอาหารญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่ร้านดอง ดอง ดองกิ, มูจิ, นิโตริ และโซนร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีสัดส่วนมากถึง 25% ของร้านค้าทั้งหมด ที่สำคัญในกลางปีนี้เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ รวมถึงเปิดให้บริการฮาร์เบอร์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย พร้อมเปิดทางเดินเชื่อมตรงเข้าศูนย์การค้าจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีบางกะปิ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางเพิ่มขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ โฉมใหม่เตรียมเปิด 8 ธ.ค. นี้ ชูไฮไลต์ร้านอาหารและสินค้าญี่ปุ่นทั้ง Donki-Nitori หวังดึงทราฟฟิกให้ได้ 25-30 ล้านคนต่อปี
- เผยโฉมเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ-บางแค มหัศจรรย์ มหาศาล มหานครแห่งใหม่ Capital of Life Wonders ตอกย้ำศูนย์รวมร้านอาหารดัง ดึงเมกะแบรนด์ทั่วทุกมุมโลก แบรนด์ญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์ช้อปสุดหลากหลาย [ADVERTORIAL]
- เปิดเหตุ ‘ร้านค้ารายเล็ก-รายใหญ่’ บางแห่งถึงไม่เข้าร่วมมาตรการ Easy e-Receipt เพราะเกิดขึ้นเร็วเกินไป เตรียมระบบไม่ทัน ส่วนรายเล็กไม่สามารถแบกต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้
วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่เห็นได้ชัดคือหลังจากที่ทำรีเสิร์ชพบว่าพฤติกรรมลูกค้าให้ความสนใจร้านใหม่ๆ เพราะหลังจากเปิดให้บริการมา 2 เดือน สิ่งที่ลูกค้าต้องการเห็นคือร้านมาใหม่และงานอีเวนต์ใหม่ๆ
สอดคล้องกับสิ่งที่เราทำค่อนข้างแตกต่าง ซึ่งพื้นที่ในรัศมี 50 กิโลเมตร เชื่อว่าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิมีแบรนด์แฟชั่นครอบคลุมมาก ตั้งแต่ร้านยอดฮิตในอินสตาแกรมไปจนถึงร้านแฟชั่นชื่อดัง โดยสมัยก่อนรีโนเวตจะมีเพียงแค่ 200 แบรนด์ เป็นแบรนด์เล็กๆ เมื่อปรับมาเป็นไลฟ์สโตร์มีมากถึง 500 แบรนด์ ตอนนี้เราพยายามหาร้านใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม
สำหรับในช่วงไตรมาสแรกของปี ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกได้รับสัญญาณบวกจากภาคการท่องเที่ยว และมาตรการของภาครัฐในโครงการ Easy e-Receipt ที่เข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายในศูนย์การค้า โดยเฉพาะเดอะมอลล์มียอดขายในการเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นถึง 20%
ถึงกระนั้นในไตรมาส 2 เป็นต้นไปเราก็ต้องเร่งทำการตลาดอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูร้อน ซึ่งถือเป็นอีกช่วงเวลาสำคัญของธุรกิจรีเทล เดอะมอลล์จึงทุ่มงบ 220 ล้านบาท จัดแคมเปญใหญ่ ‘SUMMER-CATION 2024’ ลดราคาสินค้าทุกหมวดหมู่สูงสุด 70%
และอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจคืองานอีเวนต์เปิดตัวเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ พร้อมเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุดของ M Card คือ กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ เป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 8-10 มีนาคม 2567 รวมไปถึงการเสริมประสบการณ์การซื้อสินค้าเมื่อลูกค้าเข้ามาเป็นสมาชิก M Card โดยในปีนี้ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าสมาชิก M Card เฉพาะที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ให้ถึง 1 ล้านคนให้ได้
ทั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายและการท่องเที่ยวของเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ทั้ง 4 สาขา โดยในมุมของบางกะปิเป็นย่านที่มีประชากรวัยรุ่นเฉลี่ยอายุน้อยกว่าโลเคชันอื่นๆ หากสังเกตจะเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาในเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น แตกต่างกับบางแคที่เป็นโซนคนมีอายุ วัยทำงาน และครอบครัว ดังนั้นรูปแบบของร้านค้าและการจัดอีเวนต์ก็จะแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดทั้งหมดนี้จะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายสินค้าและสร้างสีสันตลอดช่วงฤดูร้อนได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายจากแคมเปญกว่า 5,400 ล้านบาท และช่วยเพิ่มทราฟฟิกภายในห้างและศูนย์การค้าได้มากขึ้นถึง 15% โดยปัจจุบันคนเข้ามาใช้บริการวันธรรมดา 7 หมื่นคน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์อยู่ที่ 1 แสนคน