×

‘ไม่อยากเห็นเธอร้องไห้’ ฟุตบอลหญิงทีมชาติอังกฤษกับความพ่ายแพ้ที่ชนะใจผู้ชม

03.07.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • ทีมที่เป็นความหวังสูงสุดว่าจะหยุดสหรัฐอเมริกาได้คือทีม ‘สิงโตสาว’ หรือ The Lioness อังกฤษ ที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจตลอดรายการตั้งแต่นัดแรกเป็นต้นมา
  • อเล็กซ์ มอร์แกน ฉลองวันเกิดอายุครบ 30 ปีของเธอด้วยประตูที่ 2 ของทีมและเป็นประตูชัยในเกมนี้ด้วยท่าฉลองวันเกิด ‘จิบชา’ ที่ทำให้เกิดสงครามบนโซเชียลมีเดีย 
  • เอลเลน ไวต์ ดาวยิงที่ถูกปฏิเสธประตูที่ 7 ในรายการ ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า “ฉันกำลังจะร้องไห้ ฉันเสียใจมากที่ไม่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ”
  • หลังเกมจบ ฟิล เนวิลล์ ผู้จัดการทีมที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากการทำหน้าที่ ทั้งๆ ที่ตอนรับตำแหน่งถูกวิจารณ์อย่างมาก (เพราะฟิลเคยถูกมองว่าเป็นพวกเหยียดเพศ) จึงขอร้องลูกทีมเพียงอย่างเดียว “อย่าร้องไห้”

จากที่เฝ้าติดตามฟุตบอลโลกหญิงมาตั้งแต่ต้น ผมมีคำถามหนึ่งที่ติดในใจมาตลอดครับว่าบนโลกใบนี้จะมีทีมหญิงที่ไหนหยุดสหรัฐอเมริกาได้ไหม

 

เท่าที่เฝ้าดู ความหวังมีไม่มากนัก เพราะแม้หลายทีมจะเล่นได้ดี แต่จะหาทีมใดที่เล่นในมาตรฐานเดียวกับชาติที่ถือเป็นมหาอำนาจของฟุตบอลหญิงนั้นยังเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟุตบอลโลกหนนี้ที่แข้งสาวจากดินแดนแห่งเสรีภาพมีพัฒนาการทางการเล่นก้าวไปไกลกว่าเดิม

 

อิตาลีเป็นทีมที่ผมชื่นชอบในสไตล์การเล่น แต่พวกเธอไปไม่ถึงดวงดาว เช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่สรีระของพวกเธอกลายเป็นข้อเสียเปรียบ ไม่อาจใช้เชิงฟุตบอลเข้าต่อสู้ได้เหมือนก่อน 

 

เนเธอร์แลนด์เป็นอีกทีมที่น่าสนใจ พวกเธอมีเกมรุกที่ดุดัน โดยเฉพาะลูกเซตเพลย์ทีเด็ด

 

แต่ทีมที่เป็นความหวังสูงสุดคือทีม ‘สิงโตสาว’ หรือ The Lioness อังกฤษ ที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจตลอดรายการตั้งแต่นัดแรกเป็นต้นมา

 

 

ถึงจะชอบดูฟุตบอลอังกฤษ แต่ผมไม่ใช่แฟนทีมชาติอังกฤษ แน่นอนว่าไม่ได้เป็นแฟนทีมหญิงด้วย แม้ว่าตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมาจะเห็นข่าวของฟุตบอลหญิงชิงพื้นที่สื่อได้มากพอสมควร

 

เพิ่งจะมาในฟุตบอลโลกหนนี้ครับที่ผมได้เห็น ได้ดู ได้ติดตามมากหน่อย

 

และพบว่าทีมชาติหญิงของอังกฤษทีมนี้ไม่ธรรมดา

 

มันมีความรู้สึกว่าหากจะมีทีมไหนหยุดสหรัฐอเมริกาได้ ก็ต้องทีมของ ฟิล เนวิลล์ นี่ล่ะ!

 

แดนหลังมี สเตฟ เฮาจ์ตัน ปราการเหล็กที่เป็นภรรยาของ สตีเฟน ดาร์บี อดีตนักเตะเยาวชนของลิเวอร์พูล ผู้โชคร้ายป่วยเป็นโรคร้ายเซลล์ประสาทเสื่อม (ซึ่งนั่นยิ่งทำให้อยากเอาใจช่วยเธอมากขึ้น), ลูซี บรอนซ์ แบ็กขวาจอมลุยที่ฟิลบอกว่าเก่งที่สุดในโลก, จิลล์ สกอตต์ กองกลางเชิงสูง, นิกิตา พาร์ริส ปีกจรวดที่ถูกยกย่องว่าเป็น The Next Big Thing ของวงการฟุตบอลหญิง (ส่วนตัวผมรู้สึกเหมือนเห็น ราฮีม สเตอร์ลิง ที่เป็นผู้หญิง) ในแดนหน้ายังมี ฟราน เคอร์บี และเอลเลน ไวต์ (บ้างก็เรียกเธอว่า White Hot เพราะฟอร์มร้อนแรงในรายการนี้)

 

อังกฤษเล่นฟุตบอลแบบมีสไตล์ มีระบบระเบียบ มีวิธีการเล่น ที่สำคัญพวกเธอมีใจ และเป็นสิงโตสาวที่ใจใหญ่มากด้วย

 

แต่ถึงตรงนี้หลายคนก็คงทราบผลแล้วนะครับว่าพวกเธอทำไม่สำเร็จ อังกฤษถูกหยุดไว้ที่รอบรองชนะเลิศเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน เมื่อพ่ายต่อสหรัฐอเมริกาไปแบบหวุดหวิด 2-1 อย่างน่าเสียดาย

 

 

เสียดายแรกที่ลูกยิงของ เอลเลน ไวต์ ถูกตัดสินว่าล้ำหน้าจาก VAR ซึ่งเป็นการตัดสินที่ถูกต้องแล้ว

 

เสียดายต่อมาคือลูกจุดโทษในช่วงก่อนหมดเวลาแค่ 3 นาที แต่ สเตฟ เฮาจ์ตัน กัปตันทีมที่ถูกมอบหมายให้เป็นคนทำหน้าที่ยิงไปติดเซฟของ อลิสซา แนเฮอร์ ที่เดาทางถูก พุ่งไปรับได้แบบไม่มีกระฉอก

 

และเสียดายที่สุดคือนักเตะเกือบทั้งหมดยกเว้น เอลเลน ไวต์ เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน พวกเธอสู้ประสบการณ์ความเก๋า ความนิ่ง และความเชิด (จนหลายคนหมั่นไส้) ของนักเตะสหรัฐอเมริกาไม่ไหว

 

สหรัฐอเมริกาเป็นทีมที่ดีกว่าชัดเจนครับ ขนาดว่าในเกมนี้พวกเธอไม่มี เมแกน ราปิโน กัปตันทีมสาวห้าวที่เป็นที่จดจำจากผมสีม่วงและวาจาห้าวหาญที่กล้าชนกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนและหายตัวไปจากรายชื่อของทีมอย่างปริศนา

 

แม่จิ้งจอกสาว อเล็กซ์ มอร์แกน ซึ่งฉลองวันเกิดอายุครบ 30 ปีของเธอด้วยประตูที่ 2 ของทีมและเป็นประตูชัยในเกมนี้ด้วยท่าฉลองวันเกิด ‘จิบชา’ ที่ทำให้เกิดสงครามบนโซเชียลมีเดีย นำทีมสยบอังกฤษได้อย่างไม่ถึงกับยากเย็น

 

นอกจากเธอยังมี คริสเตียน เพรสส์ (ที่ทำประตูขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว), ลินซีย์ โฮแรน จอมทัพตรงกลางสนาม ไปจนถึง โรส ลาเวลล์ จอมพลิ้วที่สร้างสรรค์เกมได้อย่างโดดเด่นตั้งแต่ต้นเกม

 

ยิ่งช่วงท้ายเกมหลังจาก สเตฟ เฮาจ์ตัน ยิงจุดโทษพลาด ซึ่งยังเหลือเวลาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอีก 7 นาที เราจะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างทั้งสองทีม โดยเฉพาะเรื่องของประสบการณ์ ขณะที่นักเตะอังกฤษร้อนรนจนเตะทิ้งเตะขว้าง เรี่ยวแรงกำลังวังชาหมดไปพร้อมๆ กับกำลังใจตามเวลาที่หมดลง นักเตะสาวมะกันเก็บบอลเล่นอย่างมีสติ ฆ่าเวลาอย่างชำนาญราวกับเป็นนักฆ่ามืออาชีพ (และพวกเธอก็เป็นจริงๆ)

 

ก่อนที่เวลาจะหมดลง และสิงโตสาวก็ไม่อาจสะกดกลั้นน้ำตาได้อีก

 

เอลเลน ไวต์ ดาวยิงที่ถูกปฏิเสธประตูที่ 7 ในรายการ ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า “ฉันกำลังจะร้องไห้ ฉันเสียใจมากที่ไม่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ”

 

ขณะที่ สเตฟ เฮาจ์ตัน ซึ่งปกติไม่ได้มีหน้าที่ในการสังหารจุดโทษ แต่เพราะ นิกิตา พาร์ริส มือสังหารอันดับหนึ่งพลาดมาแล้ว 2 ครั้งในรายการนี้ ทำให้เธอในฐานะมือสังหารลำดับต่อมาถูกมอบหมายตั้งแต่ต้นเกมให้รับหน้าที่และเธอพลาด ก็กล่าวอย่างหัวใจสลายว่าเธอ ‘ทำให้ทีมต้องผิดหวัง’

 

สะเทือนหัวใจสำหรับคนที่ได้เห็นยิ่งนัก

 

 

หลังเกมจบ ฟิล เนวิลล์ ผู้จัดการทีมที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากการทำหน้าที่ ทั้งๆ ที่ตอนรับตำแหน่งถูกวิจารณ์อย่างมาก (เพราะฟิลเคยถูกมองว่าเป็นพวกเหยียดเพศ) จึงขอร้องลูกทีมเพียงสิ่งเดียว

 

“อย่าร้องไห้”

 

เหตุผลนั้นเรียบง่ายครับ เพราะนักเตะอังกฤษทุกคนได้สู้อย่างสุดหัวใจ และเขาก็ไม่รู้จะเรียกร้องอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว

 

สำหรับคนอังกฤษเองก็เช่นกัน ถึงจะผิดหวังเพราะคาดหวังเอาไว้สูงกว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่พวกเธอเข้ารอบตัดเชือกได้แบบไม่มีใครคาดหวัง ถึงขั้นที่ฟิลบอกว่าถ้าคราวนี้ตกรอบอีกก็ถือว่า ‘ล้มเหลว’

 

แต่มันก็เป็นความล้มเหลวที่เข้าใจได้

 

พวกเธอเจอกับทีมแชมป์โลก ชาติที่มีจำนวนนักฟุตบอลหญิงลงทะเบียนมากถึงเกือบ 4 แสนคน นักฟุตบอลหญิงมีค่าเหนื่อยเฉลี่ยสูงกว่าพวกเธอ 2 เท่า และในขณะที่ Women’s Super League (WSL) มีผู้ชมเฉลี่ยแค่นัดละ 833 คนในลีก National Women’s Super League (NWSL) ของสหรัฐอเมริกา มีผู้ชมเฉลี่ยถึง 6,000 คน (มากกว่าฟุตบอลไทยลีกอีก)

 

สหรัฐอเมริกามี ‘พื้นฐาน’ ที่ดีกว่าทุกอย่าง สู้ได้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว

 

สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่ Lioness ทุกคนทำให้ชาวอังกฤษไม่เพียงแค่จะสนใจ ซึ่งวัดได้จากตัวเลขสถิติผู้ชม ฯลฯ ที่จับต้องได้ 

 

พวกเธอยังเอาชนะใจคนทั้งชาติ

 

และอาจรวมถึงการชนะใจคนอีกมากมายทั่วโลก

 

The Lion Queen (ผมเรียกเอง!) เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนมากมาย และน่าจะทำให้เด็กรุ่นใหม่ไม่ว่าจะหญิงหรือชายภูมิใจที่จะสวมเสื้อทีมชาติอังกฤษออกมาเตะฟุตบอลเล่นกันในสนาม หรือข้างถนน หรือที่ไหนก็ตาม

 

ตรงนี้ก็นับเป็นชัยชนะได้เช่นกัน

 

ในอนาคต เรื่องการพัฒนาวงการฟุตบอลหญิงในอังกฤษเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยคราวนี้ก็ทำให้ผู้คนรับรู้ สนใจ และเข้าใจได้มากขึ้น

 

แต่มันเป็นเรื่องระยะยาวที่เอาไว้ทีหลังได้

 

เวลานี้ขอเวลาสักวันสองวันให้เหล่าสิงโตสาวได้ทำใจและเตรียมใจ

 

พวกเธอยังเหลืออีก 1 นัดให้ลงสนาม

 

อย่างน้อยขอเหรียญทองแดงปลอบใจกลับบ้านก็ยังดี

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

FYI
  • ในเกมนี้ ฟิล เนวิลล์ ปรับระบบให้อังกฤษเล่น 4-4-2 เป็นครั้งแรกในรอบ 24 นัดที่เขาได้คุมทีม เพื่อหวังตั้งรับและทำลายเกมรุกของสหรัฐอเมริกาในเวลาเดียวกัน แต่ปัญหาคือพื้นที่ตรงกลางสนามที่ผู้เล่นอังกฤษมีจำนวนน้อยกว่าทำให้ครองเกมลำบาก
  • จำนวนตัวเลขเด็กผู้หญิงที่ลงทะเบียนเป็นนักฟุตบอลไว้ตามโรงเรียนในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 390,482 คน ขณะที่เด็กผู้ชายมี 456,362 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนความนิยมของฟุตบอลหญิงในสหรัฐอเมริกาที่ไม่แพ้ฟุตบอลชาย
  • ในฟุตบอลโลกหญิง 7 ครั้งที่ผ่านมา ทีมสหรัฐอเมริกาได้แชมป์ถึง 3 ครั้ง และไม่เคยจบด้วยอันดับที่ต่ำกว่าที่ 3 เลย เรียกว่าเป็นมหาอำนาจตัวจริง
  • อเล็กซ์​ มอร์แกน ซูเปอร์สตาร์สาวที่อายุครบ 30 ปี มีจำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียถึง 12 ล้านคน มากกว่าซูเปอร์สตาร์ชายหลายๆ คน
  • ในเกมระหว่างอังกฤษพบสหรัฐอเมริกา มีผู้ชมในอังกฤษมากถึง 11.7 ล้านคน เป็นรายการที่มีผู้ชมมากที่สุดประจำปีนี้
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X