พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชผ่านพ้นไปแล้วอย่างสมพระเกียรติ ความรู้สึกโศกเศร้าของปวงชนชาวไทยเป็นอย่างไร คงไม่ต้องพูดถึง เพราะพวกเราคงเผชิญกับห้วงยามแห่งความทุกข์โศกดังกล่าวไม่ต่างกัน และหากฝนฟ้าที่กระหน่ำเทอย่างไม่ลืมหูลืมตาในช่วงเย็นก่อนการถวายพระเพลิงจะสื่อความหมายอะไรสักอย่าง ฝนทุกหยาดหยด ก็คงไม่ต่างกับน้ำตาที่ไหลท่วมรวมกัน ของประชาชนชาวไทย
วันแห่งความหม่นเศร้าและความอาลัยคงไม่เคลื่อนผ่านไปเร็วนัก แต่ที่สุดแล้วเราก็ต้องอดทนและดำเนินชีวิตต่อไป แน่นอนว่าวันคืนต่อจากนี้ย่อมไม่เหมือนเดิม และชีวิตก็ย่อมไม่เหมือนเดิมเช่นกัน แต่สิ่งที่เราหวังว่าจะเหมือนเดิม หรืออย่างน้อยก็ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ก็คือ ความดีงามที่เกิดขึ้นในหัวใจของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นจิตอาสาหรือประชาชนทั่วไป ที่แสดงถึงความตั้งมั่นที่จะทำความดี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ที่ทรงฝากแนวทางในการดำเนินชีวิตไว้ให้เราเดินตามรอยมากมายเหลือคณานับ
มีคนกล่าวว่า ได้เกิดมาในแผ่นดินของรัชกาลที่ 9 และเห็นพระองค์มาอย่างยาวนาน จนเผลอเชื่อไปว่า พระองค์จะอยู่กับประชาชนตลอดไป แต่ความจริงแล้วไม่มีหรอก ชีวิตใดที่ไม่มีการจากลา อยู่ที่เราเรียนรู้อะไรเมื่อการจากลามาถึง การสิ้นสุดของบางสิ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องหมายถึงความว่างเปล่า หรือเคว้งคว้างเสมอไป แต่อาจหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ที่เข้มแข็งกว่าเดิม
ไม่อยากให้เหตุการณ์ที่คนไทยลุกขึ้นมาทำความดีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนี้ เป็นแค่ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราได้ทำเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่อยากให้เราใช้ทุกวันของชีวิตต่อจากนี้ไป จดจำและระลึกถึงว่า ครั้งหนึ่งที่เราทุ่มเทชีวิตจิตใจในการทำความดีที่ว่านั้น เราทำด้วยความรู้สึกใด และด้วยเหตุผลใด เพราะสิ่งที่ดีไม่ควรเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่ควรทำทุกครั้งที่มีโอกาส และหากหมายมั่นที่จะดำเนินตามรอยพระองค์เรื่องการทำความดีแล้ว เราก็ควรน้อมรำลึกด้วยว่า พระองค์ทรงปฏิบัติตามแนวทางที่ดีงามโดยสม่ำเสมอตลอดพระชนม์ชีพ ไม่ใช่แค่ครั้งหนึ่งครั้งใด และคงไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัยเบาพระทัยมากไปกว่าการเห็นประชาชนที่เป็นที่รักยิ่งของพระองค์ดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกที่ควร
การที่พระองค์มีพระราชดำรัสไว้ครั้งหนึ่งว่า
“ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง”
ก็ขอให้เรามั่นใจเถิดว่า พระองค์ทรงหมายความเช่นนั้นเสมอ ไม่ว่าวันนั้นหรือวันไหน
ท่ามกลางประชาชนชาวไทย แม้มองไม่เห็นด้วยตา แต่เราก็เชื่อว่าพระองค์ยังสถิตอยู่ ณ ที่เดิม และแม้ว่าไม่มีสิ่งใดทดแทนความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของคนไทยได้ แต่ก็ไม่มีประเทศหรือชนชาติใดเช่นกันที่เคยมีพระมหากษัตริย์แบบที่เรามี และมีแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างที่เรามี นับจากวันนี้ไปจนตราบชั่วนิจนิรันดร์
“ไม่ต้องจำว่าฉันคือใคร แต่จำว่าฉันทำอะไรก็พอ”