วันเเห่งความรักใกล้เข้ามาถึง มองไปทางไหนก็มีเเต่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความรัก ทั้งดอกไม้ ช็อกโกแลต เเละอีกร้อยแปดพันสิ่ง แต่ยุคนี้ยังรวมไปถึง NFT เพราะพิพิธภัณฑ์ Belvedere เเห่งประเทศออสเตรีย ได้เตรียมปล่อยคอลเล็กชัน NFT จากภาพวาดในตำนาน The Kiss ของศิลปินชาวออสเตรียอย่าง Gustav Klimt (กุสตาฟ คลิมต์) จำนวน 10,000 ชิ้น ต้อนรับวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึง
โดยภาพวาดจะถูกหารออกมาเป็นชิ้นเล็กขนาดเท่าๆ กันเเทนที่จะเป็นภาพใหญ่ทั้งภาพ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ Thekiss.art ก่อนถึงวันปล่อยขาย เเต่ก่อนจะเข้าไปซื้อเราอาจสงสัยว่าทำไมรูปนี้ถึงถูกเลือก ทั้งที่มีภาพวาดสวยๆ ในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความรักเต็มไปหมด? ขอตอบว่าเพราะความพิเศษของ The Kiss นั้นมีมากมาย ทั้งเรื่องเทคนิค เเรงบันดาลใจ เเละความหมาย ซึ่งตัวศิลปินได้วาดภาพนี้ในปี 1907 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ศิลปะกำลังเฟื่องฟูในยุโรป จึงทำให้ภาพนี้มีผสมผสานระหว่างศิลปะจากยุคต่างๆ เข้าด้วยกัน ทั้ง Art Nouveau ภาพพิมพ์ญี่ปุ่นโบราณ ฯลฯ
เเต่ถึงเเม้ Klimt จะได้รับเเรงบันดาลใจมาจากพ่อของเขาที่เป็นนักเเกะสลักทอง เเละสถาปัตยกรรมโบสถ์ที่เขาได้ไปเยือนในอิตาลี สื่งที่ทำให้ภาพนี้เป็นไอคอนเเห่งความรักคือความเเหวกเเนวเเละความลึกซึ้งของภาพ เพราะเมื่อร้อยกว่าปีที่เเล้วผู้คนยังเคร่งครัดในศาสนา เรื่องเพศเเละความต้องการจึงยังเป็นสิ่งที่ถูกปิดกั้น การที่ภาพวาดมีผู้ชายเเละผู้หญิงโอบกอดจูบกันอย่างใกล้ชิด รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ถือเป็นเนื้อหาที่อีโรติกมาก เเม้จะไม่ได้มีการเปิดเผยเรือนร่างเลย เเละนอกจากความอื้อฉาวเเล้ว ความหมายของภาพก็ยังโดดเด่นไม่เเพ้กัน เพราะสีทองที่อยู่ทั่วทั้งผืนภาพนั้น สื่อถึงความทรงพลังเเละคงกระพันของความสัมพันธ์คู่รัก เนื่องจากในสมัยก่อนสีทองมักจะถูกนิยมใช้ในทางศาสนา ความศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นสิ่งที่มาคู่กันกับสีทอง
ตอนนี้ภาพ The Kiss อาจมีมูลค่าเป็นหมื่นล้าน ซึ่งการเอามาทำเป็น NFT สามารถเพิ่มโอกาสให้คนทั่วไปสามารถประมูลเป็นเจ้าของได้ เเทนที่จะเป็นคนเพียงคนเดียว การซื้อ NFT ภาพนี้อาจเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น หรืออาจสร้างคุณค่าทางใจระยะยาว เพื่อเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ให้คนรัก เเต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเเค่ไหน ความรักก็จะยังคงเป็นสิ่งที่สวยงามเเละทรงคุณค่าเหมือนหนุ่มสาวในภาพนี้ เสมือนการที่ NFT จะอยู่ในระบบบล็อกเชนตลอดไป
ภาพ: Courtesy of Gustav Klimt
อ้างอิง: