วันนี้ (20 มีนาคม) พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ชี้แจงกรณีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ให้มีการพิจารณาปิดด่านต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า สำหรับจุดผ่านแดนถาวร จะพิจารณาเท่าที่จำเป็นต่อการสัญจรระหว่างแดนเหลือจังหวัดละ 1 แห่ง หรือถ้ามีความจำเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถสั่งปิดได้ทั้งหมด
ส่วนจังหวัดเชียงรายที่มีพรมแดนติดกับ 3 ประเทศ จะยกให้เป็นกรณีพิเศษ
สำหรับมาตรการที่จะดำเนินการกับผู้ผ่านเข้าออก ต้องพิจารณาอย่างรัดกุมทั้งกับคนไทยและชาวต่างชาติที่มาจาก 4 ประเทศกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งบุคคลมาจากประเทศที่มีการระบาดต่อเนื่องจำนวน 11 ประเทศ ต้องกักตัว 14 วัน ซึ่งกำชับให้ทุกจังหวัดดำเนินการอย่างรัดกุม
กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนที่มีช่องทางผ่านแดนในพื้นที่พิจารณา ดังนี้
ระงับการใช้ช่องทาง ณ จุดผ่อนปรนการค้าและจุดผ่อนปรนพิเศษทุกแห่งในพื้นที่เป็นการชั่วคราว
ระงับการใช้ช่องทาง ณ จุดผ่านแดนถาวรทุกแห่งในพื้นที่เป็นการชั่วคราว (กรณีมีความจำเป็นในการใช้ช่องทาง ขอให้เหลือจุดผ่านแดนถาวรในพื้นที่จังหวัดละไม่เกิน 1 แห่ง) โดยในส่วนจังหวัดเชียงราย เหลือด้านประเทศละ 1 แห่ง
กรณีเป็นผู้เดินทางที่มาจากท้องที่หรือเมืองท่านอกราชอาณาจักรซึ่งเป็น ‘เขตติดโรคติดต่ออันตราย’ ให้กักกันบุคคลดังกล่าวไว้ ณ สถานที่ที่กำหนด เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน
กรณีคนต่างด้าวให้กักกัน ณ โรงแรมที่กำหนดไว้ และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
กรณีคนไทยให้นำตัวส่งไปกักกัน ณ ที่พำนักหรือที่พักอาศัยตามภูมิลำเนา
กรณีเป็นผู้เดินทางที่มาจากท้องที่หรือเมืองท่านอกราชอาณาจักรซึ่งเป็น ‘พื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง’ ตามประกาศของกรมควบคุมโรค ให้กักกันบุคคลดังกล่าวไว้ ณ สถานที่ที่กำหนด เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน
กรณีคนต่างด้าวให้กักกัน ณ โรงแรมที่กำหนดไว้ โดยมีระบบแอพปพลิเคชันติดตามตัว
กรณีคนไทยให้อยู่ในที่พำนักของตนเอง และอาจอนุญาตให้ไปในบางสถานที่ที่จำเป็นได้
ในกรณีที่สถานการณ์แพร่ระบาดมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ให้จังหวัดมีคำสั่งระงับการใช้จุดผ่านแดนถาวรดังกล่าวทันที
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล