วันนี้ (21 ตุลาคม) จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีคลิปเสียงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่เกี่ยวข้องกับคดี ดิไอคอนกรุ๊ป ว่า เบื้องต้นตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ สคบ. โดยมีองค์ประกอบเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ สคบ. โดยสิ้นเชิง ประกอบด้วยประธานที่เป็นอัยการอาวุโสและเป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือในการตรวจสอบ นอกจากนั้นยังมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าการทำงานล่าช้าและการตรวจสอบไม่จริงจัง อาจเป็นเหตุให้ บอสพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หลุดรอดคดีไปได้ จิราพรยืนยันว่าการตรวจสอบ สคบ. จะเร่งดำเนินการตรวจสอบให้เกิดความน่าเชื่อมั่นและสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา โดยย้ำว่าจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสะสางกระบวนการทำงานของ สคบ. ให้กระจ่าง เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าจะแก้ปัญหาต่อไปอย่างไร โดยมีคณะกรรมการ 2 ส่วน คือ
- หาข้อเท็จจริง โดยจะต้องใช้พยานบุคคล พยานหลักฐาน และพยานวัตถุ มาเชื่อมโยงที่มาที่ไปเพื่อนำมาสู่ข้อเท็จจริง
- คณะกรรมการจะนำข้อกฎหมายของ สคบ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่ามีข้อจำกัดอย่างไร เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเชิงนโยบายต่อไป
ขณะที่การอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนจะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหลัก โดยร่วมทำงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ซึ่งถือว่ารวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดย สคบ. ก็ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมสอบสวน อีกทั้งสำนักเศรษฐกิจการคลังที่กำกับดูแลกฎหมายแชร์ลูกโซ่ก็เข้ามาเร่งดำเนินการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าหลังจากที่คณะทำงานเริ่มดำเนินการไปแล้ว 3-4 วันนั้น จิราพรกล่าวว่า คณะทำงานชุดใหญ่ที่มี ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มอบหมายให้คณะอนุกรรมการ 2 ชุดไปทำงานแล้วกลับมารายงานผลการสอบภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งในวันพุธนี้ (23 ตุลาคม) ต้องกลับมารายงานอีกครั้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงิน หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบจะเป็นสำนักงาน ปปง. โดยก่อนหน้านี้ สคบ. เชิญผู้เสียหายและบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เข้ามาให้ข้อมูล ซึ่งการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ บอสพอลก็โดนจับกุมตัวไปก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกฎหมายขายตรงที่ สคบ. ยื่นตรวจสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น จิราพรกล่าวว่าเป็นการหารือภายในและยืนยันว่าจะเร่งทำงานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันตามกรอบเวลา แต่หากไม่แล้วเสร็จและจำเป็นต้องขยายกรอบเวลาก็จะขยายเพิ่ม โดยเน้นย้ำว่าขอให้เชื่อมั่นคณะทำงาน เพราะทุกคนมีความเชี่ยวชาญ
