The Green Knight คือผลงานภาพยนตร์ดาร์กแฟนตาซีเรื่องแรกจาก A24 ค่ายภาพยนตร์คุณภาพที่คอภาพยนตร์รู้จักเป็นอย่างดีจาก Moonlight (2016), Hereditary (2018), Midsommar (2019), Minari (2020) ฯลฯ โดยได้ David Lowery ที่เคยสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมาแล้วใน Pete’s Dragon (2016) และภาพยนตร์สยองขวัญสะเทือนอารมณ์อย่าง A Ghost Story (2017) มานั่งแท่นผู้กำกับ
ครั้งนี้ David Lowery ได้หยิบบทกวีอังกฤษระดับตำนานจากศตวรรษที่ 14 ในชื่อ Sir Gawain and the Green Knight ที่เล่าเรื่องราวการเดินทางอันกล้าหาญของ Sir Gawain หนึ่งในอัศวินโต๊ะกลมแห่งกษัตริย์อาเธอร์ มาดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์ โดยบทกวีอันเก่าแก่บทนี้เคยได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษมาแล้วโดย J.R.R. Tolkien นักเขียนเจ้าของวรรณกรรมแฟนตาซีระดับตำนานอย่าง The Lord of the Rings
สำหรับ The Green Knight ฉบับภาพยนตร์ภายใต้การกำกับของ David Lowery จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของ Sir Gawain (Dev Patel) ผู้เป็นหลานชายของกษัตริย์อาเธอร์ แต่ตัวเขากลับไม่ได้มีเรื่องราวหรือวีรกรรมอันกล้าหาญให้เล่าขานเหมือนอัศวินคนอื่นๆ เขาจึงทำได้เพียงใช้ชีวิตอย่างสำมะเลเทเมาไปวันๆ
กระทั่งวันหนึ่ง The Green Knight หรือ อัศวินมรกต ได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อท้าทายเหล่าอัศวินโต๊ะกลมว่า หากอัศวินคนใดสามารถเด็ดหัวตนเองได้ คนผู้นั้นจะได้รับทั้งเกียรติยศและศักดิ์ศรีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไปครบ 1 ปี บุรุษผู้นั้นจะต้องออกเดินทางสู่ปราสาทมรกต เพื่อมอบสิ่งตอบแทนให้แก่อัศวินมรกตตามสัญญา Sir Gawain จึงตัดสินใจรับคำท้าของอัศวินมรกต และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันยาวนานที่ Sir Gawain ต้องเผชิญหน้ากับบทพิสูจน์ระหว่างทาง เพื่อตามหาความหมายของเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และคุณค่าของตนเอง
The Green Knight ยังคงเป็นอีกหนึ่งผลงานจาก A24 ที่คุณภาพคับแก้วในทุกองค์ประกอบเช่นเดิม ทั้งผลงานการกำกับภาพของ Andrew Droz Palermo (A Ghost Story) ที่ถ่ายทอดทิวทัศน์อันกว้างใหญ่ของธรรมชาติออกมาได้อย่างงดงาม ทั้งทุ่งหญ้า ป่าเขา ท้องฟ้า แม่น้ำ ก่อนที่จะถูกแต่งแต้มด้วยการออกแบบงานสร้างและวิชวลเอฟเฟกต์ที่พาผู้ชมก้าวเข้าสู่โลกแห่งเทพนิยาย เสมือนว่าเรากำลังออกเดินทางร่วมกับ Sir Gawain อยู่จริงๆ
อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่เข้ามาช่วยสร้างมนตร์เสน่ห์ให้แก่ภาพยนตร์ คือดนตรีประกอบจากปลายปากกาของ Daniel Hart (Pete’s Dragon) ที่เข้ามาช่วยกำกับความรู้สึกของผู้ชมภายใต้บรรยากาศของเรื่องที่เต็มไปด้วยความพิศวงสงสัย ว้าวุ่นจิตใจ และระทึกขวัญ
และไฮไลต์ของเรื่องที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือเรื่องราวการเดินทางของ Sir Gawain ที่พาผู้ชมไปสำรวจความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ ผ่านบทสดทอบมากมายที่ Sir Gawain ต้องเผชิญ ซึ่งชวนให้เราตั้งคำถามถึงความหมายของคำว่าเกียรติยศ ทำไมมนุษย์เราถึงต้องโหยหาชื่อเสียงเพื่อให้ได้รับการยอมรับนับถือจากผู้อื่น และผู้ที่ถูกขนานนามเป็นผู้กล้า แท้จริงแล้วคนผู้นั้นซุกซ่อนความหวาดกลัวอะไรไว้ภายในบ้าง
โดยเฉพาะเรื่องราวในองค์สุดท้ายที่ท้าทายจิตใจของ Sir Gawain (และผู้ชม) ว่า เรากล้าที่จะยอมรับความขาดเขลาของตนเองได้มากแค่ไหน
ซึ่งความหมายของเรื่องราวเหล่านี้ก็ถูกนำเสนอผ่านการแสดงอันยอดเยี่ยมของ Dev Patel (Slumdog Millionaire, Lion) ผู้มารับหน้าที่ถ่ายทอดมวลความรู้สึกอันซับซ้อนของ Sir Gawain ที่ต้องเผชิญหน้ากับความหวาดกลัว ลังเล ตัณหา และอีกหลากหลายแง่มุมความรู้สึกที่มนุษย์คนหนึ่งจะมีออกมาได้อย่างไร้ที่ติ
ในภาพรวมแล้ว The Green Knight ถือเป็นภาพยนตร์ดาร์กแฟนตาซีที่ไม่ได้โดดเด่นแค่งานโปรดักชันเท่านั้น แค่ภาพยนตร์ยังอัดแน่นไปด้วยเรื่องราวที่ชวนให้ผู้ชมได้ร่วมกันขบคิด ตีความ และหาคำตอบในทุกการกระทำของ Sir Gawain ซึ่งเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนจิตใจของมนุษย์ เพื่อชวนผู้ชมมาร่วมสำรวจจิตใจของตนเองไปพร้อมกัน
The Green Knight เข้าฉายแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่