ต้องขอสารภาพตามตรงว่า ‘วงการลูกหนัง’ เปรียบเสมือนโลกอีกใบที่เราไม่เคยก้าวเท้าเข้าไปสำรวจเลยสักครั้ง จะมีก็แต่การได้ยินเสียงหยอกล้อ และการขิงข่าจากเพื่อนฝูงคอลูกหนังเพียงเท่านั้น
เช่นเดียวกับเรื่องราวของ ‘สโมสรลิเวอร์พูล’ หนึ่งในสโมสรที่มีแฟนคลับเหนียวแน่นที่สุดในโลก ที่กำลังจะมีภาพยนตร์สารคดีของตัวเองในชื่อ The End of the Storm มาเข้าฉายให้เหล่า ‘เดอะ ค็อป’ ประเทศไทยได้ชมเบื้องหลังการคว้าถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/20 ที่แฟนๆ ต่างเฝ้ารอมานานกว่า 30 ปี ในวันที่ 28 มกราคมนี้
เราถือโอกาสนี้สวมบทเป็นแฟนลูกหนังฝึกหัด และก้าวเข้าสู่โรงภาพยนตร์เพื่อทำความรู้จักสโมสรลิเวอร์พูล พร้อมกับคำถามคาใจว่า
‘ทำไมลิเวอร์พูลจึงเป็นหนึ่งในสโมสรที่แฟนทั่วโลกต่างหลงรัก?’
ในฐานะของคนที่ไม่ได้ติดตามวงการฟุตบอลและสโมสรลิเวอร์พูลมาก่อน เราขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ยืนยันว่า The End of the Storm คือสารคดีของสโมสรลิเวอร์พูลที่เป็นมิตรกับผู้ชมทุกคนพอสมควร
โดย เจมส์ เออร์สคีน ผู้กำกับเจ้าของผลงาน The Ice King (2018) และ Billie (2019) ค่อนข้างจะใช้กลวิธีในการเล่าเรื่องที่กระชับฉับไว และอธิบายให้ผู้ชมเข้าใจภาพรวมในการเดินทางของสโมสรได้ดีพอสมควร
โดยเริ่มจากการพาผู้ชมไปร่วมทบทวนเส้นทางความสำเร็จของสโมสรลิเวอร์พูลกันแบบสั้นๆ จนถึงช่วงเวลาที่สโมสรคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งสุดท้ายในฤดูกาล 1989/90 (ขณะนั้นใช้ชื่อเรียกว่าดิวิชัน 1) และพาเราไปติดตามเส้นทางที่สโมสรไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกมายาวนานร่วม 30 ปี
ก่อนที่เออร์สคีน จะเริ่มออกสตาร์ทอย่างเป็นทางการด้วยการพาเราไปติดตามเส้นทางของสโมสรลิเวอร์พูลนับตั้งแต่วันที่ เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันก้าวเท้าเข้าสู่ตำแหน่งผู้จัดการทีมอย่างเป็นทางการในปี 2015 ไปจนถึงช่วงเวลาการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/20 โดยบอกเล่าผ่านมุมมองของคล็อปป์ ตำนานของสโมสร เคนนี ดัลกลิช และเหล่านักเตะชุดแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างกัปตันทีม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต เฟียร์มิโน, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, อลิสสัน เบ็คเกอร์ ฯลฯ
ซึ่งสำหรับใครที่ไม่คุ้นชื่อหรือไม่เคยรู้จักเหล่านักเตะของลิเวอร์พูลมาก่อนก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเออร์สคีนจะแนะนำให้เรารู้จักคร่าวๆ ว่า ใครมีพื้นเพมาจากไหน และเล่นตำแหน่งอะไรกันบ้าง
ขณะเดียวกัน สารคดีก็พาเราไปทำความรู้จักเหล่าเดอะ ค็อปทั่วโลก เพื่อบอกเล่ามุมมองความรัก และแรงบันดาลใจที่สโมสรลิเวอร์พูลได้มอบให้กับแฟนๆ มาโดยตลอด
เราค่อนข้างชื่นชอบพาร์ตนี้เป็นการส่วนตัว เพราะสารคดีได้เผยภาพให้เราเห็นว่า ลิเวอร์พูลไม่ได้เป็นสโมสรฟุตบอลเพียงเท่านั้น แต่ลิเวอร์พูลเปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจของผู้คนทั่วโลกที่รักในสิ่งเดียวกัน เป็นความภาคภูมิใจ และเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ อีกหลายคนเริ่มสวมรองเท้า และก้าวลงสู่สนามฟุตบอล
เราขอหยิบส่วนเล็กๆ ของสารคดีมาบอกเล่าให้เห็นภาพ โดยเออร์สคีนได้หยิบยกเรื่องราวของเดอะ ค็อป ชาวอียิปต์รายหนึ่งมาบอกเล่าผ่านสารคดีเรื่องนี้ ซึ่งเขาให้เห็นผลที่ตัวเองหลงรัก และคอยเชียร์สโมสรลิเวอร์พูลเอาไว้ว่า ทุกครั้งที่เขาได้ชม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นักเตะชาวอียิปต์ มันทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เห็นเพื่อนร่วมชาติกำลังโลดแล่นอยู่บนสนามในฐานะกองหน้าของสโมสรลิเวอร์พูล
อีกหนึ่งพาร์ตสำคัญของภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจให้กับเรามากๆ คือช่วงเวลาที่วงการลูกหนังต้องหยุดชะงัก เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเออร์สคีนก็ได้พาเราไปสำรวจช่วงเวลาที่คล็อปป์ และเหล่านักเตะต้องวางแผนการซ้อมในระหว่างที่ทุกคนต้องกักตัวอยู่ในบ้าน รวมไปถึงการส่งมอบกำลังใจให้กันและกันระหว่างนักเตะและเหล่าเดอะ ค็อป
และเมื่อเรื่องราว The End of the Storm ดำเนินมาถึงตอนจบ สารคดีเรื่องนี้ก็ได้ตอบคำถามที่เราได้ตั้งไว้ในตอนแรกอย่างกระจ่างชัดว่า ‘ทำไมลิเวอร์พูลถึงเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มีแฟนคลับเหนียวแน่นที่สุดในโลก’
นั่นก็เพราะ The End of the Storm ได้ถ่ายทอดความหมายของบทเพลง You’ll Never Walk Alone ออกมาเป็นเรื่องราวให้เรารับชมได้อย่างแจ่มชัด
เพราะไม่ว่าสโมสรลิเวอร์พูลจะต้องเผชิญหน้ากับมรสุมที่ถาโถมเข้ามากี่ครั้ง เดอะ ค็อป ก็ไม่เคยปล่อยให้สโมสรสุดรักของพวกเขาต้องออกวิ่ง ‘อย่างเดียวดาย’ และส่งให้สโมสรลิเวอร์พูลสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ทุกคนเฝ้ารอมานานกว่า 30 ปีมาได้สำเร็จ
The End of the Storm เข้าฉายอย่างเป็นทางการวันที่ 28 มกราคมนี้
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่
ภาพประกอบ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://thestandard.co/liverpool-champion-30-years-of-waiting/
- https://thestandard.co/liverpool-19th-champion-30-years-of-waiting/