ละครไทย-แฟนตาซีเป็นความพยายามและความท้าทายของผู้จัดมาทุกยุคทุกสมัย เห็นได้จากการหยิบเอาเรื่องราวในวรรณกรรมพื้นบ้าน ตำนานตะวันตก หรือสัตว์กึ่งเทพในความเชื่อกึ่งพุทธ กึ่งพราหมณ์ มาดัดแปลงเป็นเนื้อหาออกมาอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น รักนี้หัวใจมีครีบ, มัจฉาอันดา, ภูตพิศวาส, พิภพหิมพานต์, ไลลาธิดายักษ์ ฯลฯ ความยากของละครแฟนตาซีที่หลักๆ แล้วคงจะเป็นพื้นหลังตัวละครที่ต้องเล่นกับความคุ้นเคยเดิมของคนดู รวมไปถึงความสมจริงภายใต้งบประมาณที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฉาก เครื่องแต่งกาย และ Computer Graphic ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเป็นจุดตายของงานแบบนี้เลยก็ว่าได้
พนมนาคา คือหนึ่งในละครแนวแฟนตาซีที่พยายามท้าทายกับความยากเหล่านั้น ด้วยการหยิบเอาตำนานยอดฮิตอย่างพญานาค สัตว์กึ่งเทพตามความเชื่อพุทธ-ฮินดูมาเป็นเส้นเรื่องหลัก
เล่าเรื่องของ ‘พนมนาคา’ หมู่บ้านเก่าแก่ที่ชาวบ้านต่างศรัทธาสองพญานาคพี่น้องที่คอยปกปักรักษาพื้นที่แห่งนี้ เอเชีย (กรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) แพทย์สาวที่ไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์เท่าไรนัก ต้องเข้ามารักษาอาการโรคเกล็ดงูของเด็กๆ ที่หมู่บ้านนี้แทนเพื่อนสนิทที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ระหว่างการรักษาเธอพบกับเรื่องราวแปลกๆ มากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ อนันตชัย (ตรี-ภรภัทร ศรีขจรเดชา) ชายหนุ่มปริศนาที่มักจะเข้ามาช่วยเหลือเธอได้ถูกจังหวะถูกเวลาอยู่เสมอ และในขณะเดียวกันเขาก็พาเธอเข้าใกล้ตัวตนของพญานาคมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเล่าถึงตรงนี้แล้วแน่นอนว่าอนันตชัยคือหนึ่งในพญานาคสองพี่น้องที่ปกปักรักษาที่แห่งนี้มานับพันปี และเอเชีย หรือในชาติที่แล้วคือ อนัญชลี อดีตคนรักของเขาที่ตายจากกันไปในพิธีนาคพลี (พิธีแต่งงานที่ต้องทำเพื่อรับตำแหน่งกษัตริย์) พร้อมคำขอว่าจะไม่ตกหลุมรักอนันตชัยอีก โดยการจากไปในครั้งนั้นเป็นผลจากแผนของ อเนกชาติ (เพชร โบราณินทร์) พญานาคผู้น้องที่ต้องการขัดขวางพิธีนี้ของพี่ชาย ด้วยเหตุนี้อนันตชัยจึงใช้เวลานับพันปีในการคว้าหัวใจของอนัญชลีคืนมา และตามหามณีนาคาประจำตัวของอเนกชาติเพื่อฆ่านาคผู้น้องตนนี้เสียให้ได้
ในฐานะคนดูเรายอมรับว่าในช่วงแรกไม่ได้รู้สึกถึงความแปลกใหม่ของเนื้อเรื่องเท่าไรนัก ซึ่งหลักๆ แล้วน่าจะเป็นเพราะว่าพญานาคเป็นสัตว์ในตำนานที่ถูกผลิตซ้ำบ่อยมากๆ และหลายครั้งก็แมสเสียจนสร้างภาพจำให้ผู้ชมได้ชัดเจนแบบ Full HD จนทำให้พญานาคสำหรับเราไปผูกติดอยู่กับประโยค “อีคำแก้วมันเป็นงู” จากเรื่อง นาคี ไม่ก็อาจจะนึกถึงละครคลาสสิกอย่าง นาคราช หรือ มณีสวาท ขึ้นมาแทน
นอกจากการผลิตซ้ำของฝั่งละครแล้ว พญานาคยังเป็นสัตว์กึ่งเทพที่คนไทยคุ้นเคยมากที่สุดตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่มันแทรกอยู่กับพุทธศาสนาในหลายๆ แง่มุม ทั้งในพุทธประวัติ ตามวัดวาอาราม พิธีบวชนาค ไปจนถึงเทศกาลพื้นถิ่นอย่างบุญบั้งไฟพญานาค ทำให้ในทางหนึ่งมันอาจจะเป็นข้อดีที่ละครไม่จำเป็นต้องพูดเยอะว่าพญานาคคืออะไร แต่ในอีกทางหนึ่งมันก็ให้ความรู้สึกจำเจนิดหน่อยได้เช่นกัน
แม้ว่าในช่วงแรกมันจะเป็นไปในทางนั้น แต่พอดูต่อมาอีกสักหน่อยในอีพีที่ 3 และ 4 ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องเริ่มเข้มข้นและเข้าใกล้คำว่าสนุกขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่อุปสรรคของหมอเอเชียไม่ใช่แค่การรักษาโรคเกล็ดงู แต่มันคือการต้องสู้กับความเชื่อของชาวบ้านที่ไม่ยอมรับการรักษาสมัยใหม่เท่าที่ควร สลับกับความเชือดเฉือนระหว่างพี่น้องก็สร้างเส้นเรื่องที่น่าสนใจอีกเส้นหนึ่งได้ด้วย โดยเฉพาะฉากที่เฉลยว่าสาเหตุที่อนันตชัยไม่สามารถหามณีนาคาประจำตัวของอเนกชาติได้เพราะมันถูกฝังอยู่ในตัวเอเชียนั้นก็กระตุ้นความน่าติดตามได้ดีทีเดียว
ภาพรวมของเนื้อหาจึงเป็นไปได้ค่อนข้างดีและสนุกอยู่พอตัว ทำให้นึกถึงกลิ่นอายของซีรีส์เกาหลีอย่าง Guardian: The Lonely and Great God (Goblin) ผสมกับ Tale of the Nine Tailed ซึ่งเป็นซีรีส์ที่หยิบเอาก็อบลินและจิ้งจอกเก้าหางในความเชื่อของคนเกาหลีมาเล่นไปพร้อมกับการรอคอยและคำสาปนับพันปีที่ค่อนข้างโรแมนติก แต่เสน่ห์อีกอย่างของซีรีส์ประเภทนี้คือดีเทลของเรื่องเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชาลบความทรงจำของยมทูต การข้ามแม่น้ำซัมโด การทำงานของโลกหลังความตาย ฯลฯ ซึ่งเรายังไม่ค่อยเห็นใน พนมนาคา เท่าไรนัก แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและอาจจะมีสิ่งเหล่านี้มาให้เราเห็นได้ในตอนถัดๆ ไป
ส่วนการตัดต่อและคุณภาพของงานโปรดักชันค่อนข้างทำได้ตามมาตรฐานของละครไทย ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากมาย แต่สิ่งที่ผู้เขียนค่อนข้างติดใจจริงๆ ก็คงเป็นความสมจริงของ CG (Computer Graphic) ที่ใช้ในเรื่องอยู่เยอะพอสมควร เพราะมิติของ CG ที่ได้มาค่อนข้างลอยไปหน่อย ทำให้เราแยกออกได้ทันทีว่างูที่เลื้อยเข้ามาในฉากเป็นงูคอมพิวเตอร์ แม้จะเข้าใจว่าการทำละครนั้นมีงบประมาณและเวลาที่จำกัด ทำให้การสร้างสัตว์เหนือจินตนาการให้สมจริงนั้นค่อนข้างยาก (อย่างที่บอกไปข้างต้นว่ามันท้าทาย) แต่เพราะความไม่สมจริงนี้ก็ทำให้อรรถรสของละครลดลงไปอย่างน่าเสียดาย
โดยรวมแล้วแม้ว่า พนมนาคา จะยังบกพร่องในเรื่องของงาน Computer Graphic ไปเล็กน้อย แต่หากมองข้ามจุดนี้ไปมันก็ยังเป็นเรื่องที่มีเนื้อหาสดใหม่น่าสนใจสำหรับวงการละครไทย สมกับความตั้งใจของช่อง one31 ที่ตั้งใจปลุกปั้นเนื้อหาใหม่ๆ แบบไม่รีเมกให้แฟนละครได้ชม หรืออาจพูดได้ว่าละครเรื่องนี้ค่อนข้างฉีกจากเนื้อเรื่องเดิมๆ แต่ยังไม่ถึงขนาดดีดนิ้ว เป๊าะ! ชอบใจ
ติดตามชมละคร พนมนาคา ได้ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง one31 ดูย้อนหลังได้ทาง Netflix
รับชมตัวอย่างละคร พนมนาคา ได้ที่นี่:
อ้างอิง: