×

The Batman หนังสืบสวนระทึกขวัญในคราบซูเปอร์ฮีโร่ที่สมจริง ดุดัน และทรงพลัง

04.03.2022
  • LOADING...
The Batman

ปี 2022 น่าจะเป็นช่วงเวลาที่แฟนๆ ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่จากฝั่ง DC รู้สึกตื่นเต้นและเฝ้ารอมากที่สุดปีหนึ่ง ด้วยรายชื่อของภาพยนตร์ที่เตรียมจ่อคิวเข้าฉายในปีนี้ถึง 4 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น The Batman ผลงานการกำกับของ Matt Reeves, Black Adam ที่ได้ Dwayne Johnson หรือ The Rock มารับบทนำ, The Flash หนังเดี่ยวเรื่องแรกของ The Flash ที่ได้ Michael Keaton และ Ben Affleck มาร่วมแจม และ Aquaman and the Lost Kingdom ที่ยังคงได้ James Wan กลับมานั่งแท่นผู้กำกับเช่นเดิม (นี่ยังไม่นับรวมซีรีส์ Peacemaker ของ James Gunn ที่เพิ่งจะฉายจบไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา)

 

โดยส่วนตัวผู้เขียน The Batman น่าจะเป็นผลงานที่เรารู้สึกสนใจและตั้งตารอชมมากที่สุด เนื่องจากองค์ประกอบหลายๆ ส่วนของเรื่องที่โดดเด่นสะดุดตาและชวนให้เราติดตาม ทั้งบรรยากาศของเรื่องที่ผสมผสานระหว่างความระทึกขวัญและสืบสวนสอบสวน ซึ่งแตกต่างไปจากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่หลายๆ เรื่อง ฉากแอ็กชันที่ดุดันและสมจริงสมจัง ไปจนถึงภาพลักษณ์ของ Robert Pattinson ที่ดูน่าเกรงขามกว่าหลายๆ เวอร์ชันที่ผ่านมา 

 

และหลังจากที่เราได้มีโอกาสชม The Batman เราคิดว่า Matt Reeves สามารถนำเสนอองค์ประกอบต่างๆ ของเรื่องออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และยังชวนให้เราอยากติดตามเรื่องราวในอนาคตของ Batman ฉบับ Robert Pattinson ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปอีกด้วย

The Batman

 

ความโดดเด่นข้อแรกของ The Batman ที่เราอยากกล่าวถึง คือการที่ผู้กำกับและทีมเขียนบทเลือกที่จะนำเสนอเรื่องราวของ The Batman ไปในทิศทางของภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนเป็นหลัก กล่าวคือเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของเรื่อง เราจะได้ไปติดตาม Bruce Wayne และ James Gordon (Jeffrey Wright) ที่ต้องร่วมมือกันตามหาตัวจริงของ The Riddler ผ่านการไขปริศนาต่างๆ ที่ The Riddler ทิ้งเอาไว้ รวมถึงการแทรกซึมเข้าไปในสถานที่สำคัญเพื่อตามหาหลักฐาน และการสอบปากคำบุคคลต้องสงสัย 

 

ซึ่งเราคิดว่าผู้กำกับสามารถนำเสนอเรื่องราวการสืบสวนออกมาได้อย่างน่าสนใจ ผ่านบรรยากาศของเรื่องที่มีความระทึกขวัญ การหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่าง The Riddler และ Bruce Wayne ที่แทบจะไม่ได้ต่อยตีกันสักหมัด แต่กลับทำให้เราสัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของ The Riddler อย่างชัดเจน รวมถึงความลึกลับซับซ้อนของการไขคดีที่ค่อยๆ เปิดเผยเรื่องราวให้เราได้เข้าไปสำรวจแง่มุมความรู้สึกของ Bruce Wayne ที่มีความเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ มากกว่าจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่คอยปกป้องผู้คน 

 

 

ขณะเดียวกัน แม้ว่าเนื้อเรื่องหลักของภาพยนตร์จะเป็นการสืบสวนที่เข้มข้น แต่ Matt Reeves ยังสามารถบาลานซ์ความเป็นภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนกับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ออกมาได้อย่างลงตัว ผ่านฉากแอ็กชันที่สมจริง ดุดัน ซึ่งสร้างความตื่นเต้นและลุ้นระทึกให้กับเราได้ดีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะฉากไล่ล่าด้วยรถ Batmobile ที่เราขอยกให้เป็นฉากแอ็กชันที่ดีที่สุดของเรื่อง 

 

ซึ่งเราต้องยกเครดิตให้กับทีมงานเบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับภาพอย่าง Greig Fraser ที่ผสมผสานมุมภาพสไตล์ภาพยนตร์ระทึกขวัญและฉากแอ็กชันอันดุดันออกมาได้อย่างลงตัว ก่อนที่จะเสริมด้วยดนตรีประกอบจากปลายปากกาของ Michael Giacchino ที่เข้ามาช่วยกำกับอารมณ์ของผู้ชมให้รู้สึกถึงความอันตรายและไม่น่าไว้วางใจ และสองมือตัดต่อ William Hoy และ Tyler Nelson ที่หยิบนำวัตถุดิบทุกส่วนมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวการสืบสวนสอบสวนสุดเข้มข้น ที่แม้ว่าภาพยนตร์จะมีความยาวถึง 3 ชั่วโมง แต่กลับไม่ทำให้เรารู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย 

 

DSC04464.jpg

 

อีกหนึ่งจุดเด่นที่เราไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือทัพนักแสดงทุกคนที่ถ่ายทอดบทบาทของตัวเองออกมาได้อย่างโดนเด่นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็น Jeffrey Wright ผู้รับบทเป็น James Gordon ที่เสมือนเป็นคู่หูนักสืบร่วมกับ Bruce Wayne, Andy Serkis ในบทบาทของพ่อบ้าน Alfred Pennyworth ที่แม้จะออกมาน้อย แต่ก็มีฉากสำคัญให้เราจดจำ, Zoë Kravitz ในบทบาทของ Selina Kyle หรือ Catwomen หญิงสาวมากเสน่ห์ที่มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน ฯลฯ

 

และ 2 ตัวละครที่เราอยากหยิบยกมากล่าวถึงเป็นการส่วนตัวคือ Robert Pattinson ผู้สวมบทเป็น Bruce Wayne หรือ Batman ซึ่งอย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า Robert Pattinson ไม่ได้นำเสนอภาพลักษณ์ของการเป็นซูเปอร์ฮีโร่เหมือนภาพยนตร์ Batman เวอร์ชันอื่นๆ แต่กลับมีความเป็นมนุษย์มากกว่า มีมิติที่ลึกกว่า โดยเฉพาะการที่เขานิยามตัวเองว่าเป็น Vengeance หรือผู้ล้างแค้น ยังเป็นการบ่งบอกให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่า แรงผลักดันสำคัญของ Bruce Wayne ฉบับ Robert Pattinson ไม่ใช่การต่อกรกับอาชญากรเพื่อปกป้องผู้อื่น แต่ทำเพื่อปลดปล่อยความเคียดแค้นที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจต่างหาก ซึ่งมันก็ส่งผลให้ The Batman เป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่โดดเด่นและแตกต่างไปจากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ  

 

 

ส่วนตัวร้ายหลักของเรื่องอย่าง The Riddler ที่รับบทโดย Paul Dano ซึ่งเราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ที่จะเปรียบเทียบตัวละครตัวนี้กับตัวร้ายระดับตำนานอย่าง Joker ในฉบับของ The Dark Knight (2008) ที่รับบทโดย Heath Ledger เพราะส่วนตัวเราคิดว่าสองตัวละครนี้มีอะไรหลายอย่างที่คล้ายคลึงกันมากๆ ไม่ว่าจะเป็นความเจ้าเล่ห์เพทุบาย ความอันตรายที่เราไม่อาจคาดเดาการกระทำของเขาได้ ไปจนถึงจุดยืนอันหนักแน่นที่ผลักดันให้พวกเขาลงมือก่อความวุ่นวาย

 

แต่สิ่งที่ทำให้ The Riddler แตกต่างไปจาก Joker เห็นจะเป็นความลึกลับซับซ้อนและไม่ได้ทำอะไรโฉ่งฉ่าง จึงทำให้ The Riddler ดูจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องมากกว่า Joker ที่ดูมีความเป็นผู้ก่อการร้ายมากกว่าฆาตกร ในจุดนี้จึงทำให้ The Riddler ในฉบับของ Paul Dano เป็นอีกหนึ่งตัวร้ายที่มีเสน่ห์และน่าประทับใจไม่แพ้ Joker เลยทีเดียว 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม The Batman ก็ยังมีจุดด้อยที่เรารู้สึกขัดใจอยู่เช่นเดียวกัน นั่นคือการที่ผู้กำกับพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง Bruce Wayne และ Selina Kyle ให้ดูลึกซึ้ง แต่ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องและเนื้อหาหลักที่จำเป็นต้องใช้เวลาในการเล่า มันจึงส่งผลให้ความสัมพันธ์ของ Bruce Wayne และ Selina Kyle ดูรวบรัดตัดตอนไปพอสมควร เพราะภาพยนตร์ไม่ได้มีฉากที่ทำให้เราเห็นถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากนัก จนไม่สามารถทำให้เรามีความรู้สึกร่วมไปกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้อย่างที่ควรจะเป็น 

 

VENGEANCE

 

ในภาพรวมแล้ว The Batman เป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ DC ที่ผสมผสานความระทึกขวัญและสืบสวนสอบสวนออกมาได้อย่างโดดเด่น แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ด้วยฉากแอ็กชันที่ดุดันและสมจริง รวมถึงทุกตัวละครภายในเรื่องยังมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ไม่มีใครที่โดดเด่นมากน้อยไปกว่ากัน จนทำให้เราอยากติดตามต่อไปว่าเรื่องราวของ Batman ในฉบับของ Robert Pattinson จะถูกนำไปต่อยอดให้เราได้ชมอย่างไรต่อไปอีกด้วย 

 

The Batman เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

รับชมตัวอย่างได้ที่นี่

 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising