*หมายเหตุ: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของ The Banshees of Inisherin
The Banshees of Inisherin คือผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ Martin McDonagh ที่กำลังได้รับการจับตามองจากคอภาพยนตร์มากมาย หลังจากที่ตัวภาพยนตร์ได้รับรางวัล Golden Globes Awards มาได้ถึง 3 รางวัลใหญ่ ได้แก่ บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์มิวสิคัลหรือคอเมดี้ (Colin Farrell), และภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทมิวสิคัลหรือคอเมดี้ อีกทั้งภาพยนตร์ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 95 ถึง 9 รางวัลใหญ่ เช่น นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Colin Farrell), ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ฯลฯ
บทความที่เกี่ยวข้อง:
ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของ Padraic (Colin Farrell) และ Colm (Brendan Gleeson) สองเพื่อนสนิทที่อาศัยอยู่ที่เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งทางตะวันตกของไอร์แลนด์ แต่แล้ววันหนึ่ง Colm กลับบอกว่าเขาจะไม่มาเจอหน้าและพูดคุยกับ Padraic อีก พร้อมขู่ว่าหาก Colm มาพูดคุยกับเขาหนึ่งครั้ง เขาจะตัดนิ้วตัวเองหนึ่งนิ้ว เรื่องราวความสัมพันธ์ของสองเพื่อน ‘เคย’ สนิท ที่ค่อยๆ แตกสลายลงเรื่อยๆ จึงเริ่มต้นขึ้น
เอาเข้าจริงๆ The Banshees of Inisherin เป็นภาพยนตร์ที่เล่าประเด็นหลักของเรื่องอย่างตรงไปตรงมา กล่าวคือผู้ชมจะได้ไปติดตามเรื่องราวความสัมพันธ์ของสองเพื่อนสนิทอย่าง Padraic และ Colm อย่างใกล้ชิดแบบก้าวต่อก้าว ซึ่งหากมองแบบผ่านๆ เร็วๆ ก็อาจจะให้ความรู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีความเรียบนิ่ง ไม่หวือหวามากนัก
แต่ความคมคายอย่างหนึ่งของ The Banshees of Inisherin ที่สะกดเราได้อย่างอยู่หมัด คือห้วงอารมณ์ของตัวละครและการเล่าเรื่องที่ไต่ระดับอารมณ์เหล่านั้นให้ค่อยๆ ดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ จนนำไปสู่จุดแตกหักที่เราคาดเดาไม่ถึง
โดยเฉพาะคาแรกเตอร์ของสองตัวละครหลักที่แม้ในช่วงแรก เราอาจจะตั้งคำถามกับการตัดสินใจบางอย่างของตัวละครอยู่บ้าง แต่เมื่อเราค่อยๆ ตามตัวละครไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มเห็นแง่มุมและความคิดของตัวละครมากขึ้นไปตามลำดับ ทั้ง Colm ชายชราที่จู่ๆ ก็ตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับ Padraic เพราะเขาเริ่มค้นพบว่าที่ผ่านมาเขาได้ใช้ชีวิตไปอย่างไร้ค่า เขาจึงตัดสินใจจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อแต่งเพลงของตัวเองขึ้นมา ด้วยความหวังว่ามันจะกลายเป็นผลงานที่ทำให้ผู้คนจดจำชื่อของเขา
ขณะที่ Padraic ที่ก่อนหน้านี้ก็ยังคุยกับ Colm กันดีๆ อยู่เลย แต่วันนี้เพื่อนสนิทกลับเมินหน้าหนีไปเสียอย่างนั้น และด้วยความสงสัยเขาจึงเริ่มตามตื๊อ Colm เพื่อหาคำตอบว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น แต่นั่นก็กลายเป็นจุดที่ทำให้เขาเริ่มแสดงด้านแย่ๆ ของตัวเองออกมาให้คนอื่นเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
The Banshees of Inisherin จึงไม่ได้พาเราไปสำรวจมิตรภาพที่ค่อยๆ ปริแตกของทั้งคู่เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความคิดและความรู้สึกของตัวละครที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งเรื่อง ผ่านบทสนทนาที่เฉียบคมและการแสดงอันยอดเยี่ยมของสองนักแสดงนำอย่าง Colin Farrell และ Brendan Gleeson
และภายใต้ฉากหน้าที่เล่าถึงความสัมพันธ์ของสองเพื่อนสนิท The Banshees of Inisherin ยังมาพร้อมกับฉากหลังที่เข้ามาเสริมให้ประเด็นหลักของเรื่องเด่นชัดมากขึ้น นั่นคือเหตุการณ์สงครามกลางเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในอีกฟากฝั่งหนึ่งของเกาะที่ตัวละครหลักอาศัยอยู่ ซึ่งแม้ว่าตัวละครหลักจะไม่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวมากนัก แต่ผู้กำกับก็พยายามสอดแทรกเสียงปืนและระเบิดเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อย้ำเตือนให้เรารับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน
ประเด็นหนึ่งที่มีความคล้ายคลึงกันระหว่างเหตุการณ์สงครามกลางเมืองและความสัมพันธ์ของ Padraic และ Colm เห็นจะเป็น ‘ความขัดแย้ง’ ที่แม้ว่าต่างฝ่ายก็มีแนวคิดและจุดยืนในแบบของตัวเอง แต่เรื่องราวระหว่างทางและปลายทางที่พวกเขากำลังเดินไป กลับกลายเป็นการสร้างบาดแผลและความสูญเสียไปเสียอย่างนั้น และมันยังขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนไปสร้างบาดแผลให้กับผู้คนรอบข้าง เช่น Siobhán (Kerry Condon) น้องสาวของ Padraic ที่ต้องมาปวดหัวกับการทะเลาะกันของสองเพื่อนสนิท หรือ Dominic (Barry Keoghan) ที่ถูก Padraic แฉความลับของตัวเองให้คนในร้านเหล้ารู้เพราะเขาโมโห Colm จนเสียสติ
ไม่มากไม่น้อย เราจึงอาจตีความได้อย่างหนึ่งว่า เรื่องราวการแตกหักของสองเพื่อนสนิทในครั้งนี้ อาจเป็นภาพจำลองของสงครามหรือเหตุการณ์ความขัดแย้งขนาดย่อส่วน ที่ไม่ว่าปลายทางของมันจะไปหยุดอยู่ที่ตรงไหน ระหว่างทางมันย่อมสร้างบาดแผลและการสูญเสียให้กับผู้คนโดยรอบเสมอ
ดังนั้นแล้ว บางทีหาก Colm เลือกที่จะไม่ตัดความสัมพันธ์กับ Padraic แบบหักดิบตั้งแต่แรก แล้วหันหน้ามาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาให้เพื่อนสนิทฟังตั้งแต่แรก และหาก Padraic เลือกที่จะเปิดใจรับฟังสิ่งที่ Colm อยากจะเล่าโดยไม่มีอคติ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกันตั้งแต่แรก
หากทั้งคู่ลอง ‘เปิดใจ’ และ ‘รับฟัง’ กันและกันตั้งแต่แรก
ฉากสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็อาจจะไม่ได้จบลงแบบเดียวกับที่เราได้ชมกันก็เป็นได้
สามารถรับชม The Banshees of Inisherin ได้แล้วทาง Disney+ Hotstar
รับชมตัวอย่างได้ที่
ภาพ: Searchlight Pictures
