วันนี้ (8 มกราคม) เงินบาทไทยอ่อนค่ากว่า 0.8% แตะ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อช่วงเที่ยงวัน กลายเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่าสุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย หลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าอาจจะต้องพิจารณาเรื่องการลดดอกเบี้ยนโยบาย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากวานนี้ (7 มกราคม) เศรษฐาโพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลมีเดียระบุถึงการที่แบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยทั้งๆ ที่เงินเฟ้อติดลบติดต่อกันหลายเดือน โดยระบุว่า “ไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเลย และยังมีผลกระทบต่อประชาชนที่มีรายได้น้อย และ SMEs อีกด้วย ผมจึงอยากให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูราคาสินค้าเกษตรบางชนิดให้เหมาะสม เพราะอาจต่ำไปก็ได้ และหวังว่าแบงก์ชาติจะช่วยดูแลประชาชน ไม่ขึ้นดอกเบี้ยสวนทางกับเงินเฟ้อนะครับ”
ขณะที่ พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า คอมเมนต์ของนายกรัฐมนตรีมีส่วนทำให้เงินบาทอ่อนค่าวันนี้ อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินบาทวันนี้ก็มาจากปัจจัยกดดันอื่นๆ ด้วย ได้แก่ การแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยของดอลลาร์ ราคาทองคำที่ปรับตัวลง ซึ่งน่าจะมีผลมาก โฟลวการขายหุ้นไทยเพื่อทำกำไรของต่างชาติ รวมไปถึง Sentiment โซนเอเชียที่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเจอข่าว Zhongzhi ธนาคารเงา (Shadow Banking) รายใหญ่ของจีนยื่นล้มละลายต่อศาล ทำให้หยวนจีน (CNY) อ่อนค่า
สำหรับประเด็นเรื่องแนวโน้มการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยนโยบาย พูนแนะนำให้จับตาการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในรอบเดือนเมษายน ซึ่งจะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจรอบใหม่ด้วย
โดยในการประชุม กนง. ในวันที่ 10 เมษายนนี้ ทุกฝ่ายก็จะได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่า ธปท. มองภาพเศรษฐกิจไทยอย่างไร เหมือนเดิมหรือไม่ ประกอบกับตัวเลขของเศรษฐกิจประเทศต่างๆ ก็จะออกมาชัดเจนขึ้น เช่น เศรษฐกิจจีนฟื้นได้หรือไม่ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยหรือไม่
“ดังนั้น ณ วันนี้ การออกมาคอมเมนต์ต่างๆ อาจจะยังไม่มีผลต่อการตัดสินใจของแบงก์ชาติขนาดนั้น แบงก์ชาติยังน่าจะต้องรอดูข้อมูลอย่างรอบด้านหรือ Outlook Dependent ก่อนตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย ฉะนั้นถ้า Outlook ไม่เปลี่ยนก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน” พูนกล่าว
อ้างอิง:
