วันนี้ (14 ธันวาคม) ถาวร เสนเนียม สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงกรณีตามที่ปรากฏว่าตนเองกำลังจะได้รับการสนับสนุนจากพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคภูมิใจไทย และได้รับแรงสนับสนุนจากสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) สงขลา ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา รอบหน้า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568
ถาวรระบุว่า จากกระแสข่าวที่ผ่านมาขอขอบคุณทุกแรงเชียร์ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ประสงค์จะให้ตนเองลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.สงขลา ในครั้งหน้า แต่ด้วยความตั้งใจทางการเมืองของตนเองที่ต้องการเห็นการเมืองใสสะอาด ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชันนั้น หมายความรวมถึงการละเว้นการกระทำการที่อาจจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการด้วย
“ทุกท่านทราบดีว่าช่วงวิกฤตทางการเมืองในปี 2556-2557 ผมกับมวลมหาประชาชนทั่วประเทศออกมาร่วมชุมนุมต่อต้านการออกกฎหมายล้างผิดคนโกง หรือกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ออกมาต่อต้านรัฐบาลที่โกงชาติ ทำร้ายแผ่นดิน จนท้ายสุดผมต้องคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุก 5 ปี และถูกขังไว้โดยหมายของศาลในระหว่างการขอปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้ผมต้องพ้นจากคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พ้นจากสถานะความเป็น สส. และพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกผม 1 ปี และปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการยื่นฎีกาคำพิพากษาในศาลฎีกา” ถาวรระบุ
ถาวรชี้ว่า แม้ตนเองจะมีคุณสมบัติการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.สงขลา ตามกฎหมาย แต่หากตนเองเป็นผู้สมัครนายก อบจ.สงขลา ที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนชาวสงขลาต่อไป และหากระหว่างการดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกในลักษณะเดียวกับศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ ความเสียหายย่อมเกิดกับทางราชการ เพราะต้องจัดการเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ใหม่อีกครั้ง สิ้นเปลืองงบประมาณของ อบจ.สงขลา ประมาณ 70 กว่าล้านบาท และทำให้พี่น้องประชาชนต้องเดือดร้อนออกมาใช้สิทธิกันใหม่
“ประกอบกับทีมทนายความที่รับผิดชอบว่าความให้ผมมีความเห็นว่ามีแนวโน้มสูงที่ศาลฎีกาจะพิพากษาว่าผมกระทำผิดและอาจจะถูกลงโทษตามที่อัยการฟ้อง ผมจึงตัดสินใจไม่สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา”
ถาวรชี้แจงว่า การตัดสินใจไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.สงขลา ครั้งหน้าตามที่มีกระแสข่าว จึงไม่ได้เกิดจากความไม่เสียสละ ไม่ได้เกิดจากความกลัวที่จะแพ้การเลือกตั้ง ไม่ได้เกิดจากความกลัวหรือสมยอมให้กับการทุจริตคอร์รัปชันหรือทุนสีเทาที่พี่น้องประชาชนหวาดระแวง แต่มองถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาปฏิบัติตนในแนวทางนี้มาโดยตลอด
ถาวรยกกรณีการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา ซึ่งตนเองสังกัดพรรคไทยภักดี แม้สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งได้ แต่หากประชาชนให้ความไว้วางใจแล้วต่อมาตนเองต้องถูกคำพิพากษาให้จำคุก ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนั้น จึงตัดสินใจลงสมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ เพราะหากพ้นจากตำแหน่งไปก็สามารถเลื่อนลำดับถัดไปขึ้นแทนโดยไม่ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณของทางราชการ