วันนี้ (9 กรกฎาคม) ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตบางซื่อ-ดุสิต พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.ศ. .… กล่าวถึงแนวทางการดำเนินการของคณะ กมธ. ยืนยันว่า ในชั้น กมธ. ไม่มีกฎหมายใดที่ผ่านวาระแรกแล้วถูกปัดทิ้ง หลักการกฎหมายทั้ง 4 ร่างเป็นที่ยอมรับจากมติในสภา กมธ. มีหน้าที่พิจารณาอย่างละเอียดและรอบด้าน โดยเรียงลำดับตามรายมาตราทุกฉบับ
ขณะนี้ กมธ. มีมติวางกรอบการพิจารณาทั้ง 4 ร่างควบคู่กันไป แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดย พ.ร.บ.คู่ชีวิต พิจารณาทุกวันพุธ และแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (กฎหมายสมรสเท่าเทียม) พิจารณาทุกวันพฤหัสบดี เพื่อให้แล้วเสร็จทั้ง 2 กลุ่มแบบคู่ขนานอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับความต้องการและความหวังของสังคม อันนำไปสู่การพิจารณาของสภาในวาระ 2 และ 3 ก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ธณิกานต์กล่าวถึงที่ประชุมคณะ กมธ. ว่าการทำงานในคณะเป็นไปได้ด้วยดี ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ เพื่อให้ร่างกฎหมายออกมาสู่สภาทั้ง 2 แนวทางอย่างสมบูรณ์และรอบด้านมากที่สุด แนวคิดหลัก คือ การผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมทางกฎหมายแก่คนทุกเพศ และพร้อมขับเคลื่อน 2 แนวกฎหมายนี้ เพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับบุคคลทุกเพศ และเพื่อให้เกิดสังคมที่ยุติการเลือกปฏิบัติต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริง
“หากกฎหมายทั้ง 2 แนวทางผ่านมติสภาในวาระ 2 และ 3 สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ไม่ว่าคู่รักชาย-หญิง หรือคู่รัก LGBTQIA+ จะสามารถเลือกจดทะเบียนคู่ชีวิตหรือคู่สมรสก็ได้ ตามระดับความสัมพันธ์ที่ต้องการ เช่น หากต้องการคบกันในระดับพาร์ตเนอร์ชิป ก็จดทะเบียนคู่ชีวิต หากต้องการคบกันให้ได้สิทธิเหมือนสามีภรรยา ก็จดทะเบียนสมรสได้ โดยมีสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบที่แตกต่างกันไปตามระดับความสัมพันธ์ตามกฎหมายที่เลือก’ ธณิกานต์กล่าวทิ้งท้าย