ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์รายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ เผยแพร่ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD เมื่อวันที่ 2 กันยายน หลังนำทีมไทย ประกอบด้วย สุภัทร บุญเจือ และ สว่างจิต แซ่โง้ว เข้าเส้นชัยรายการแข่งขัน Ultra Trail du Mont Blanc 2022 การแข่งขันวิ่งเทรลที่ยากที่สุดในโลก มีระยะทางรวม 302.9 กิโลเมตร ผ่าน 3 ประเทศในเทือกเขาแอลป์ คือ ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี มีความชันรวม 27,649 เมตร และต้องวิ่งให้จบภายใน 152 ชั่วโมง 30 นาที ที่เมืองชาโมนิกซ์ ประเทศฝรั่งเศส สร้างประวัติศาสตร์ทีมแรกของ ‘ไทย’ ที่จบรายการนี้
พร้อมกับตอบคำถามปมการนับวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งอยู่ระหว่างรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ชมรายการย้อนหลัง
ธนาธรกล่าวว่า กรณีการนับ 8 ปี วาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ว่าจะออกมาอย่างไรก็ไม่ส่งผลอะไรในระยะยาว เพราะการเลือกตั้งใกล้เข้ามาแล้ว ไม่เกินพฤษภาคม 2566 แน่นอน ไม่ว่า พล.อ. ประยุทธ์ จะเป็นนายกฯ ต่อหรือไม่ก็ตาม อย่างไรก็มีการเลือกตั้งภายในเดือนพฤษภาคม 2566 หรืออาจจะเลือกเร็วขึ้นมา 2-3 เดือน ดังนั้นการมีหรือไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ ในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ไม่ส่งผลอะไร
ธนาธรมอง พล.อ. ประยุทธ์ เป็นหนึ่งในตัวละครของระบอบประยุทธ์มากกว่า หากไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ ก็มีตัวแทนของระบอบประยุทธ์ขึ้นมา เป็นคนอื่นก็ได้
เรากำลังพูดถึง Regime ของอนุรักษ์นิยมที่ต้องการจะฉุดรั้งความก้าวหน้าของสังคมไทยไว้ ที่ต้องการจะเอาอำนาจและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไว้กับกลุ่มก้อนของพวกเขาเอง
ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเพียงแค่ผู้นำของระบอบนี้ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง หากไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ ก็มีคนอื่นอยู่ดี
“ดังนั้นสำหรับผม เรื่องนี้เป็นประเด็นระยะสั้นก็จริง แต่ระยะกลางไม่มีอะไร มีประยุทธ์หรือไม่มีประยุทธ์ รัฐธรรมนูญ 2560 ก็ยังอยู่ ซึ่งก็ต้องต่อสู้แก้ไขกันไป
“มีประยุทธ์หรือไม่มีประยุทธ์ องค์กรอิสระต่างๆ เหล่านี้ก็ยังอยู่ ก็ต้องแก้ไขกันไป ดังนั้นการที่ประยุทธ์จะได้เป็นหรือไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ไม่ได้ส่งผลอะไรกับการเมืองไทยระยะยาว
“ต้องบอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การเลือกตั้งครั้งต่อไปภายในพฤษภาคม 2566 จะเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญมาก และจะเป็นการเลือกตั้งที่ส่งผลสะเทือนต่ออนาคตของประเทศ
“รูปแบบที่ดีที่สุด ไม่ต้องอ้อมค้อมกัน รูปแบบผลการเลือกตั้งที่ดีที่สุดที่จะพาประเทศไปข้างหน้าได้ ในความเชื่อของผมก็คือการกลับขั้วรัฐบาล ฝ่ายค้านในขณะนี้เป็นฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายรัฐบาลขณะนี้เป็นฝ่ายค้าน
“อันนี้อย่างน้อยจะพาประเทศกลับไปในทางที่ถูกต้อง อย่างน้อยการเดินทางที่ผิดเบี้ยวไป ได้กลับมาเดินทางในเส้นทางที่เป็นประชาธิปไตย เส้นทางที่เคารพสิทธิมนุษยชน เชิดชูเสรีภาพของบุคคล” ธนาธรกล่าว
ธนาธรยังกล่าวด้วยว่า หากฝ่ายค้านขณะนี้ไปเป็นรัฐบาลได้โดยมติของประชาชนจากการเลือกตั้งในปี 2566 ที่กำลังจะมาถึง จะเป็นการพาประเทศกลับมาเดินในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งสำคัญมาก จากประเทศที่เดินผิดทาง ทำให้เดินถูกทางก่อน ถ้าจะทำอย่างนั้นได้ฝ่ายค้านต้องเป็นรัฐบาล
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ในมุมของธนาธร คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังจะออกมามีความสำคัญหรือไม่
ธนาธรกล่าวว่า จริงๆ มีความสำคัญ มีนัยอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะอย่างที่บอก การมีหรือไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ ระบอบนี้ก็ยังอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ แล้วทุกอย่างจะกลับมาดี เพราะยังมีตัวละครอื่นๆ อีกมากมาย ที่คอยประคับประคองระบอบนี้ให้ยังอยู่ต่อไป ซึ่งสำหรับพวกเรา เรากำลังบอกว่า ระบอบประยุทธ์ที่เกิดขึ้นมาจากการทำรัฐประหาร 2557 เป็นระบอบที่เอื้อต่อกลุ่มอภิสิทธิ์ชนในประเทศไทย ที่ยึดกุมทรัพยากรของประเทศ เพื่อทำให้คนพวกนี้ร่ำรวยมากขึ้น เพื่อทำให้คนพวกนี้มีฐานอำนาจที่ใหญ่โตมากขึ้น ซึ่งสวนทางกับผลประโยชน์ของประชาชน
ดังนั้นถ้าจะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ทำให้ทรัพยากรของประเทศถูกใช้ไปอย่างมีประสิทธิภาพ และผลของการพัฒนากระจายถึงคนทุกคน มีทางเดียวคือจะต้องยุติระบอบประยุทธ์ และสร้างระบอบใหม่ที่เท่าเทียมมากขึ้น ดังนั้นจุดเริ่มต้นคือการเลือกตั้งภายในพฤษภาคม 2566
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ท่าที พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ลงพื้นที่หรือดูสดชื่นขึ้น เป็นมิตรกับสื่อมวลชน ตรงนี้มองอย่างไร
ธนาธรกล่าวว่า มีโอกาสที่พรรคพลังประชารัฐจะกลับมา อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชน ส่วน Scenario หลังการเลือกตั้ง มองว่าประกอบด้วย
- สูตรเดิม พรรครัฐบาลขณะนี้ยังเป็นรัฐบาลได้อยู่ เป็นรัฐบาลที่มาจากพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย
- สูตรที่ฝ่ายค้านขณะนี้เป็นรัฐบาล ซึ่งอาจมี 2 สูตร คือ เพื่อไทย เสรีรวมไทย เพื่อชาติ ประชาชาติ
และอีกสูตร เพื่อไทย เสรีรวมไทย เพื่อชาติ ประชาชาติ และอาจจะรวมก้าวไกลด้วย
“คือหมายความว่าถ้าฝ่ายค้านขณะนี้เป็นรัฐบาล อาจจะมีหรือไม่มีก้าวไกลก็ได้ เพราะผมเชื่อว่าก้าวไกลจะมีเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล ถ้าเพื่อไทยได้ตั้งรัฐบาล เพราะผมเชื่อว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นพรรคที่ตั้งมาเพื่อต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี แต่เป็นพรรคที่ตั้งขึ้นเพื่อผลักดันวาระที่สำคัญของประเทศ
“ผมยกตัวอย่าง วาระเรื่องกระจายอำนาจต้องมีแน่นอน ถ้าก้าวไกลจะเข้าร่วมรัฐบาลต้องมีวาระกระจายอำนาจ ต้องมีวาระต่อสู้กับทุนผูกขาด ซึ่งอาจจะเป็นวาระที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกสำหรับพรรคเพื่อไทย อันนี้ไม่ทราบ
“เนื่องจากก้าวไกลไม่ได้ต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี เราต่อรองวาระของสังคม ซึ่งผมเชื่อว่าเราเอาวาระของสังคมวางไว้ แล้วถ้าพรรคอื่นต้องการให้ก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วยก็ต้องยอมรับเงื่อนไขการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกล
“อันนี้ผมคิดว่าประชาชนได้ประโยชน์ เราตอบประชาชนได้ว่าเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ มันเป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างไร นี่คือ Scenario ต่างๆ
“และอาจจะมี Scenario ที่เป็นไฮบริด ก็คือเพื่อไทยอาจจะไปรวมกับภูมิใจไทยหรือพลังประชารัฐ ก็เป็นไปได้ ท้ายที่สุดสำหรับพวกเราก็คือขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน
“ผมยังเชื่อเหลือเกินว่าฝ่ายค้านวันนี้หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าประชาชนให้โอกาสเป็นรัฐบาล จะเป็นการนำประเทศไทยกลับไปในทิศทางที่ถูกต้อง และจะเป็นการเริ่มต้นการสร้างประเทศไทยใหม่ ที่เราจะสามารถหากฎกติกาที่ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ และจะพาประเทศไทยไปข้างหน้าได้” ธนาธรกล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามว่า หากเป็น Scenario ที่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล แต่ก้าวไกลไม่เอาด้วย ขณะที่ฝ่ายค้านคือพรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ แล้วก้าวไกลจะอยู่ตรงไหนในสภา เป็นฝ่ายค้านอิสระหรือไม่
ธนาธรกล่าวว่า ก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน เราชัดเจน เชื่อว่าเพื่อนในพรรคก้าวไกลคงจะมีการคำนึงถึงวาระที่พวกเขาอยากผลักดัน ซึ่งวาระหลักๆ เช่น ปฏิรูปกองทัพ กระจายอำนาจ ต่อสู้กับทุนผูกขาด แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ซึ่งถ้าเพื่อไทยเอาด้วยกับเรื่องสำคัญแบบนี้ ก็ร่วมรัฐบาลกันได้ ไม่มีปัญหาอะไร
ผู้ดำเนินรายการถามถึงบทบาทคณะก้าวหน้าในการเลือกตั้งสมัยหน้าจะมีบทบาทอย่างไร
ธนาธรกล่าวว่า คณะก้าวหน้าคงจะทำงานท้องถิ่นเหมือนเดิม พวกเรากำลังสนุกกับการทำงานการเมืองท้องถิ่นมาก ตอนนี้เราร่วมบริหารเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ประมาณ 60 แห่งทั่วประเทศ หลายที่เราไปทำเรื่องท่องเที่ยวชุมชน เราทำเรื่องน้ำประปา ให้ประชาชนเข้าถึงน้ำประปาที่ดื่มได้ ปีที่แล้วทำเสร็จไปแล้วที่เทศบาลอาจสามารถ ปีนี้ขยายผลอีก 4-5 เทศบาล ซึ่งจะทำให้คนเข้าถึงน้ำประปาดื่มได้อีกประมาณ 3-4 หมื่นคน เราไปทำเรื่องศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งดูแลเด็กอายุ 2-6 ปีในชุมชน เราไปเพิ่มศักยภาพคุณครู เราไปลงทุนเพิ่มให้กับของเด็กเล่น นิทาน ให้ศูนย์เด็กเล็กในชุมชนต่างๆ เราไปทำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา การท่องเที่ยวเชิงการออกกำลังกาย เราไปจัดแข่งขันจักรยาน เราทำงานการเมืองท้องถิ่น โดยเราเชื่อว่าการเมืองท้องถิ่นที่ดีจะทำให้คนเห็นถึงคุณค่าของสิทธิเสียงของพวกเขา การเมืองท้องถิ่นที่ดี จะทำให้การเมืองระดับชาติเข้มแข็งด้วย ประชาธิปไตยในระดับชาติกับประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่นแยกกันไม่ออก
คณะก้าวหน้าทำงานการเมืองท้องถิ่นอย่างสนุก อย่างมีพลังทุกวันในวันนี้ เราอาจจะแถลงผลงานการทำงานการเมืองท้องถิ่นของคณะก้าวหน้าอีกครั้ง
ผู้ดำเนินรายการถามว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ครบเทอมหรือยุบสภาในเร็ววันนี้ในความเห็นของธนาธร
ธนาธรกล่าวว่า คิดว่าอยู่ครบ และยังนึกไม่ออกว่าเขาจะยุบด้วยเหตุผลอะไร การที่ถืออำนาจอยู่จนถึงวันสุดท้ายได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องยุบ ดังนั้นจึงคิดว่าอยู่ครบเต็มเทอม