วันนี้ (27 มกราคม) ธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ, รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. บัญชีรายชื่อ และประธานพรรคก้าวไกล ระบุว่า ผู้ที่กระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง จึงจะรวมคดีนี้เข้าในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทางการเมืองของก้าวไกลนั้น
ธนกรกล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยและขอคัดค้าน เนื่องจากคดีหมิ่นประมาทล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นคดีอาญา ไม่ใช่เรื่องการเมือง ย้ำว่า สถาบันไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง จึงขอเรียกร้องให้พิธาที่เพิ่งกลับมาทำหน้าที่ สส. ในสภาคิดทบทวนเรื่องนี้เสียใหม่ เพราะ ป.วิอาญา มาตรา 112 นั้นมีไว้ปกป้องพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขแห่งรัฐ และสถาบันฯ เป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ ใครจะล่วงละเมิดมิได้ การที่พิธาคิดและมองแบบนี้ถือเป็นเรื่องอันตรายกับประเทศ
ธนกรยังระบุว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าพิธาและ สส. ก้าวไกล นอกจากจะไม่ชี้แนะหรือห้ามปรามเยาวชนไม่ให้หลงผิดเป็นชอบแล้ว แต่ดูเหมือนยังสนับสนุนให้เยาวชนออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง จนถูกดำเนินคดีหลายรายใช่หรือไม่
ส่วนที่พิธากลับยกคดีมาตรา 112 มาอ้างว่าเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความสมานฉันท์ ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง จึงต้องเสนอร่างกฎหมายเพื่อให้สภาร่วมกันหาทางออกนั้น ธนกรกล่าวว่า ตนเชื่อว่าทั้งสภาไม่มีพรรคไหนนอกจากพรรคก้าวไกลที่เห็นว่าคดีผิดมาตรา 112 เป็นเรื่องการเมือง มีก็แค่กลุ่มเดียวที่พิธายกขึ้นมาอ้างเท่านั้น
“การแสดงความเห็นทางการเมืองถือเป็นสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิทำได้ แต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีไว้ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเมืองเลย จึงขอเรียกร้องพิธาว่าถ้าคิดผิดก็กลับไปคิดใหม่ และช่วยทำความเข้าใจกับ สส. ของพรรคก้าวไกล รวมถึงผู้สนับสนุนด้วย ให้เข้าใจเรื่องนี้อย่างถูกต้อง อย่าสร้างชุดข้อมูลแบบนี้ออกมาทำให้ประชาชนสับสนและคิดว่าเป็นเรื่องของประชาธิปไตย ใครจะพูดอะไรก็ได้ ทุกอย่างอยู่บนหลักของกฎหมาย ขอให้หยุดเอาคดีเยาวชนมาอ้าง เพราะการเมืองกับมาตรา 112 เป็นคนละเรื่องกัน” ธนกรกล่าว