ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการดำเนินการตรวจสอบการถือครองที่ดินของ ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กว่า 1,700 ไร่ โดยยืนยันว่า ยังไม่ได้สั่งให้รื้อถอนฟาร์มไก่และธุรกิจของปารีณาบนที่ดินดังกล่าว เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยสั่งการให้เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) ไปหารือกับอธิบดีกรมป่าไม้ ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของหน่วยงานใด หากพบเป็นที่ดินของ ส.ป.ก. ก็ให้ดำเนินการปิดประกาศ และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ร.อ. ธรรมนัส ยังเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศพบว่า พื้นที่ทั้งหมดอยู่บนพื้นที่ทับซ้อนระหว่างกรมป่าไม้ และ ส.ป.ก. แต่มีจุดสังเกตว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่กลางเขา ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะเป็นพื้นที่ของ ส.ป.ก. แต่หากพบว่าเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. อาจไม่สามารถเอาผิดทางอาญาต่อปารีณาที่ครอบครองพื้นที่มาก่อนประกาศ ส.ป.ก. ได้ ส่วนจะยึดคืนได้หรือไม่ ต้องพิจารณาตามข้อกฎหมาย ซึ่งหากยึดคืนมาแล้ว จะต้องนำไปจัดสรรให้เกษตรกรรายอื่นๆ เนื่องจากกฎหมายบังคับให้ถือครองได้ไม่เกิน 50 ไร่ และห้ามซื้อขาย ปล่อยเช่า หรือให้เข้ามาใช้ประโยชน์
ร.อ. ธรรมนัส ยืนยันว่า ไม่ได้มีการพบกับปารีณาในวันนี้ (19 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล หรือวานนี้ (18 พฤศจิกายน) ที่กระทรวงฯ และไม่กังวลว่าจะถูกสังคมมองว่า เป็นการช่วยเหลือในฐานะที่อยู่พรรคเดียวกัน เนื่องจากกฎหมายไม่ได้เขียนยกเว้นไว้ และไม่กังวลว่าประเด็นนี้จะถูกหยิบยกนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นอกจากนี้กำลังเดินหน้าตรวจสอบที่ดินของนักการเมืองคนอื่นว่าจะเข้าข่ายที่ดิน ส.ป.ก. ลักษณะเดียวกันนี้หรือไม่ พร้อมสั่งให้เลขาธิการ ส.ป.ก. ประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับ ส.ป.ก. ทั่วประเทศ เพื่อกำชับส่งรายงานการจัดสรรที่ ส.ป.ก. และที่ยังไม่ได้จัดสรรทั้งหมด เพื่อตรวจสอบตามกฎหมายของ ส.ป.ก. ส่วนที่ใดเป็นของกรมป่าไม้ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปดำเนินการ พร้อมย้ำว่า ปัญหาที่ดินทับซ้อนจะหมดไป ต้องบังคับใช้แผนที่ One Map เพื่อเป็นแนวทางเดียวกัน
ส่วนการตรวจสอบที่ดินของ สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่นั้น ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก. แต่เป็นที่ของกรมป่าไม้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะไปตรวจสอบต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ปารีณาเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนลงลิฟต์มาที่ชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 แต่เมื่อเจอผู้สื่อข่าวที่กำลังยืนรอสัมภาษณ์อยู่ ปารีณาได้หลบเข้าไปในลิฟต์กลับขึ้นไปบนอาคารอีกครั้ง แล้วเปลี่ยนมาลงทางบันไดของตึกบัญชาการ 2 ก่อนจะหนีขึ้นรถออกจากทำเนียบฯ โดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล