วันนี้ (8 เมษายน) ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าการให้คำแนะนำด้านเศรษฐกิจกับนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า วันนี้เศรษฐกิจหนักกว่าเดิมมากและเจอปัญหาซ้ำเติมหลายอย่าง แต่ก็น่าจะเอาอยู่ ในหลายมิติ อาจไม่เลวร้ายเหมือนสมัยก่อน
“เพราะเมื่อก่อนเศรษฐกิจเปรียบเหมือนบ้านหลังหนึ่ง หลังคาพัง ซ่อมง่าย แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานก็ฐานรากแย่ เสาเก่าผุพังไปหมด ดังนั้น ต้องใช้วิธีการซ่อมที่ยากขึ้นและใช้เวลามากกว่าเดิม แต่ทั้งนี้ก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ การซ่อมแซมก็น่าจะดีขึ้น” ทักษิณกล่าว
ส่วนกรณีการขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกานั้น ทักษิณมองว่า เป็นลักษณะใช้สูตรเดียว ไทยได้ดุลการค้าเท่าไร และทางสหรัฐฯ ขายให้ไทยได้เท่าไร คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วหารสอง เช่น ทางกัมพูชาขายของให้สหรัฐฯ ได้น้อย แทบไม่ได้ซื้อของจากสหรัฐฯ เลย ทำให้สหรัฐฯ คิดเป็น 90% แล้วหารสอง จึงเป็นลักษณะการใช้สูตรเดียว
ทักษิณชี้ว่า เหตุที่สหรัฐฯ ทำเช่นนี้ เพราะว่าต้องการให้แต่ละประเทศเข้าไปเจรจา ซึ่งรัฐบาลไทยก็ได้มีการติดต่อแล้ว และนายกรัฐมนตรีก็ได้มีการประชุมทีมเศรษฐกิจ ซึ่งมีความชัดเจนแล้วเช่นกันว่าจะส่งตัวแทนไปเจรจา ก็น่าจะคืบหน้าได้ด้วยดี
ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่มีอะไรที่จะแนะนำ เนื่องจากระบบภาษีและระบบกีดกันทางการค้าที่เคยมีในอดีตเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่ไม่เคยแก้ไข จนทางสหรัฐฯ มีความรู้สึกว่า มีการกีดกันทางการค้ามากเกินไป ดังนั้น จำเป็นต้องมีการปรับ ซึ่งไทยก็ต้องปรับในส่วนของตัวเอง แต่ใช่ว่าจะยอมไปทุกอย่าง หรือลดภาษีเหลือศูนย์ก็ได้ แต่ถ้าศูนย์ก็ต้องศูนย์ทั้งสองฝ่าย เพราะเป็นลักษณะข้อตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement)