วันนี้ (26 กรกฎาคม) ยูทูบ Thaksin Official เผยแพร่คลิปชื่อ ‘Long Distance Call’ ความยาว 14.40 นาที เป็นบทสัมภาษณ์ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจัดทำโดยครอบครัวชินวัตร เป็นบันทึกความทรงจำ เนื่องในวันครบรอบวันเกิด 73 ปีของทักษิณ
ทักษิณกล่าวถึงครอบครัว ลูก หลาน และ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา พร้อมทั้งกล่าวถึงการเมืองว่า ตนเองเป็นคนบ้านนอก ผ่านสังคมชนชั้นสูงของกรุงเทพฯ น้อยไป
ทักษิณกล่าวว่า ชีวิตที่ผ่านมา ความโง่มาก่อนความฉลาด จากนั้นตอบคำถามว่าโง่เรื่องอะไร
“ผมอาจจะโง่เรื่องคน เพราะว่าประสบการณ์ เป็นคนบ้านนอก ชีวิตเราง่ายๆ เราอยู่บ้านนอก โตบ้านนอก แล้วพอมาอยู่กรุงเทพฯ ชีวิตมันก้าวกระโดด มันผ่านสังคมกรุงเทพฯ น้อยไป สังคมของ Elite น้อยไป เราไม่ได้อยู่ในสังคม Elite ถึงแม้ฐานะเราอยู่ใน Elite แทนที่จะเข้าไปคบสังคม Elite แต่ไปเข้าการเมือง ก็เลยกลายเป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่ง ซึ่งอันนี้ต้องโทษตัวเองว่า เหมือนกับเรายังไม่รู้วิธีอยู่ในป่า เราไม่เข้าใจ แล้วเราก็ถูกปล่อยเข้าไป
“บางทีเขาบอกว่า Say Yes เนี่ยอาจจะ No ซึ่งเราไม่เข้าใจ เราแค่ Yes คือ Yes ส่วน No คือ No พอเราเป็นเจอ Yes But Mean No เนี่ยเราตายแล้ว เพราะเราคิดว่าคนทุกคนคงเหมือนเรานะ ชีวิตเรา Simple มาก แต่ชีวิตของ Elite ยิ่งเป็น Elite นานๆ ยิ่ง Complicate เร้นลับซับซ้อน อันนี้คือสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้ แต่ไม่คิดจะเรียนรู้แล้ว แก่แล้ว เอาความรู้วิชาการสอนหนังสือไปอบรมลูกหลาน”
ทักษิณกล่าวด้วยว่า อยู่เมืองนอกยังต้องโทรกลับบ้านทุกวัน โทรหาลูกบ้าง คุณหญิงบ้าง นานๆ ก็ต้องขอวิดีโอคอลกับหลาน กลัวหลานลืม
สำหรับคำถามว่ายืนมองกระจกแล้วเห็นใคร ทักษิณตอบว่า “เห็นคุณหญิง (พจมาน) ผมสงสารคุณหญิง คือผมตัดสินใจที่จะกลับเมืองไทย เพราะว่าคุณหญิงรับภาระไว้เยอะ รับภาระแทนผมไว้เยอะ สงสาร
“ถ้ากลับไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างได้กลับไปอยู่กับครอบครัวแล้วมันก็จบทุกอย่าง ซึ่งวันนั้นผมกลับไปอยู่กับครอบครัวแล้ว ผมก็ต้องทำตัวให้แข็งแรงขึ้น เพื่อชดเชยเวลาที่หายไป”
ส่วนรุ่นหลานจะต้องเป็นผู้นำประเทศช่วยประชาชนหรือไม่นั้น ทักษิณตอบว่า “ไม่ เขาคิดเองเป็น เพียงแต่ว่าเราต้องการให้เราอยู่กับเขา รักและห่วงใยเขา มีกำลังใจเหมือนกับมีตาอยู่ด้วยตลอด แล้วผมเอง ผมสั่งครอบครัวผมแล้วนะ ตายไม่เผา ให้เก็บไว้ ให้เก็บร่างไว้ไม่ให้เผา นี่คือสิ่งที่ผมต้องการให้การต่อสู้ของผม ให้ชีวิตผม มันเป็นอมตะของครอบครัวของลูกหลาน”
ทักษิณกล่าวด้วยว่า คนในครอบครัวรู้ว่าใครมาลอบสังหาร 4 ครั้ง ซึ่งหากเจอก็ต้องระวังตัว “ผมไม่เคยกลัวตาย ผมถูกลอบสังหารมา 4 รอบ ผมเฉยๆ ผมถือว่าถ้าคนเรามันจะตายมันก็ตาย มันยังไม่ตายก็คือไม่ตาย
“ผมก็รู้ว่าใครเป็นคนทำ เรื่องนี้ภายในครอบครัวเรารู้หมด เพราะเราไม่อยากให้เขาต้องไปเจอกับคนที่ไม่คิดดีกับเรา เมื่อเจอแล้วจะได้รู้ว่าต้องระวังตัว แค่นั้นเอง”
