วานนี้ (30 สิงหาคม) ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่าน CareTalk X CareClubHouse หัวข้อ ‘ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่…แล้วไงต่อ’ ถึงกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ โดย พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขึ้นรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ทักษิณกล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย พร้อมทั้งมองว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างพี่น้อง 2 ป. คือ พล.อ. ประยุทธ์ และ พล.อ. ประวิตร แต่ท้ายที่สุดต้องตามความเป็นจริง
ทักษิณระบุด้วยว่า ผมขอพูดในฐานะรุ่นพี่ที่โดนมาก่อนทุกอย่าง ทุกรูปแบบ อยากสื่อไปถึง พล.อ. ประยุทธ์ ว่าให้ถอยโดยไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน เพราะแม้ศาลตัดสินแล้วได้กลับไปทำงานใหม่ ชีวิตก็จะไม่เหมือนเดิม
“วันนี้ผมคิดว่าถ้าคุณประยุทธ์พักงานแล้วก็จะมีการพิจารณา วันนี้ผมอยากจะพูดสื่อไปถึงคุณประยุทธ์ว่า หลักการในการคิดว่าจะอยู่ได้หรือไม่ได้ อะไรควรหรือไม่ควรอยู่” ทักษิณกล่าว
ทักษิณกล่าวต่อไปว่า ต้องเริ่มต้นด้วยหลักนิติธรรม ก็คือหลักนิติศาสตร์ เอาหลักกฎหมาย กฎหมายว่าอย่างไร วันนี้ต้องถามก่อนว่า กฎหมายเขียนชัดเจนว่า ดำรงตำแหน่ง 8 ปี แต่คุณจะมาบอกว่า 8 ปีเริ่มตรงนั้นตรงนี้
“ขณะที่ตอนเข้ามาได้ฉีกกฎหมายทุกฉบับ โดยเฉพาะกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อจะมามีอำนาจ แต่พอจะหมดอำนาจ เอากฎหมายทุกฉบับ เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ไม่รู้ เอามาใช้หมด” ทักษิณกล่าว
ทักษิณกล่าวต่อไปว่า ตนคิดว่าอันนี้โดยหลักการแล้ว ในเมื่อคุณในฐานะหัวหน้า คสช. สั่งเอง อย่าบอกว่าไม่ได้สั่ง สั่งให้ไปร่างรัฐธรรมนูญมา ตำแหน่งนายกฯ อย่าให้เกิน 8 ปีนะ เพราะวันนั้นบอกว่าขอเวลาอยู่ไม่นานไง ทีนี้บังเอิญสามารถอยู่ได้ถึง 8 ปี ก็เลยอยากอยู่ต่อ พออยากอยู่ต่อก็เลย
จากเดิมที่ฉีกกฎหมายแล้วเข้ามา วันนี้ต้องไปเอากฎหมายทุกอย่าง เลยเป็นปัญหาของสังคมว่า คุณเป็นคนไม่ต้องการให้นายกฯ อยู่เกิน 8 ปี เพราะกลัวพรรคเพื่อไทยอยู่เกิน 8 ปี ก็เลยเอา 8 ปีมาล็อกไว้ ผลสุดท้ายวันนี้ก็เลยมาติดกับดักที่ตัวเองวางไว้ให้คนอื่น
หลักที่สอง หลักรัฐศาสตร์ คือหลักเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง วันนี้คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการแล้ว อยากให้พอแล้ว โพลทุกโพลออกมาบอกพอแล้ว อันนี้คือหลักรัฐศาสตร์ที่ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย คนเรามันต้องรู้จักพอ
ทักษิณกล่าวต่ออีกว่า หลักสุดท้ายคือหลักจริยธรรม เป็นสิ่งที่สำคัญ พร้อมยกตัวอย่างเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับตนเองว่า ในวันที่ยุบสภา เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์บอกว่าแม้ไม่ผิดกฎหมายก็ต้องผิดจริยธรรมที่ขายหุ้น ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ผิดกฎหมาย แต่อีกฝ่ายก็พยายามตะแบงว่า พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวยังต้องเสียภาษี ขณะที่การขายก๋วยเตี๋ยวต้องเสียภาษีเพราะขายสินค้า ซึ่งถ้าพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวเอาหุ้นไปเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วขายหุ้นก็ไม่ต้องเสียภาษี เพราะกฎหมายบอกไว้ไม่ต้องเสียภาษี จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
“กรณีนั้นเขาก็บอกว่าผมขายหุ้นได้หลายหมื่นล้านทำไมไม่เสียภาษี ทั้งที่ขายหุ้นเขาไม่เสียภาษีเพราะมีกฎหมายบอก ฝ่ายนั้นก็ยังตะแบงบอกว่าผิดจริยธรรม ผมจึงยุบสภา ต่อมาก็มีการมาบอยคอตการเลือกตั้ง อันนี้เป็นสิ่งที่ผมเห็นว่า เรื่องจริยธรรม เป็นเรื่องที่ผู้นำจะต้องแคร์นะครับ
“ผมคิดว่าโดยประการทั้งปวง ถ้าผมเป็นประยุทธ์จะไม่รอให้ศาลตัดสิน เพราะถอยแล้วหล่อกว่า ถ้าเมื่อไรศาลตัดสินแล้ว คุณประยุทธ์กลับไปทำงานใหม่ วันนั้นจะเป็นวันที่คุณประยุทธ์จะไม่มีความสุขเลยในชีวิตจากวันนั้นเป็นต้นไป
“เชื่อผมเถอะ นี่พูดในฐานะรุ่นพี่นะ แล้วโดนมาก่อนทุกอย่าง ทุกรูปแบบ ถ้าเป็นผมวันนี้นะ ถ้าไม่กลับมามันหล่อกว่า แล้วมาเดินถนนจะมีแต่คนทักทาย ยกมือไหว้ แต่ถ้าย้อนกลับไปตำแหน่งอีกที ฟังผมไว้นะ คุณจะไม่มีความสุขเลย ตั้งแต่วันกลับมา อาจจะมีความสุขวันเดียวคือวันกลับมา แล้วมีความสุขอีกวันคือวันเลิก แต่ว่าระหว่างทาง หรือหลังจากวันที่เลิกแล้วที่มีความสุข 1 วัน ก็จะไม่มีความสุขอีกเลย” ทักษิณกล่าว
ทักษิณยังระบุด้วยว่า คนเราอย่าไปยึดติด ด้วยวัย ที่มีอายุขนาดนี้ ฉะนั้นก็อยู่ให้มีความสุข เพราะว่าเราได้ทุ่มเทหรือได้ทำงานให้บ้านเมืองมานานพอสมควรแล้ว ส่วนสำเร็จหรือไม่ก็ถือว่าได้ทุ่มเทแล้ว อย่างนั้นดีกว่า
นอกจากนี้ ทักษิณยังกล่าวถึง พล.อ. ประวิตร เกี่ยวกับการแก้ระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้าย ใช้งบประมาณ ในส่วนนี้ก็เป็นเรื่องระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ระเบียบเป็นธรรมดา ระเบียบสำนักนายกฯ แก้เมื่อไรก็ได้ เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ดังนั้นไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไร เพราะฉะนั้นทุกคนก็ไม่ต้องตื่นเต้นในเรื่องนี้
