วันนี้ (11 มีนาคม) ดร.สุวดี พันธุ์พานิช รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย และว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เขต 1 กล่าวถึงสถานการณ์โควิดที่มียอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงถึงกว่า 70,000 คน มีผู้เสียชีวิตทุบสถิติถึง 74 คน สูงสุดในการระบาดรอบใหม่ ตั้งแต่ 1 มกราคมเป็นต้นมา โดยพบว่าผู้เสียชีวิตมากกว่า 70% มีอายุมากกว่า 60 ปี ส่วนที่เหลือเป็นคนอายุน้อยที่มีโรคเรื้อรัง
โดยพบว่าปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยกลับมามียอดการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นทั้งที่รัฐบาลบอกว่าเชื้อโอมิครอนไม่รุนแรงคือการเข้าถึงการรักษาที่ล่าช้า การอั้นจ่ายยา และที่สำคัญคือผู้ป่วยโรคไตขาดการล้างไตตามกำหนดจนนำไปสู่การเสียชีวิต
“ดิฉันได้ติดตามปัญหาความสูญเสียของประชาชนและได้สอบถามไปยังโรงพยาบาลที่ได้ให้การรักษาผู้ป่วยวิกฤตที่มีหน่วยล้างไตสำหรับผู้ติดเชื้อ พบว่า ผู้ติดเชื้อโควิดระยะวิกฤตที่เป็นโรคไต มาด้วยสาเหตุขาดการฟอกล้างไตตามกำหนด เนื่องจากไม่สามารถรับบริการในสถานพยาบาลเดิมได้ โดยหน่วยล้างไตที่ให้บริการผู้ป่วยโควิดมีจำนวนจำกัด ขณะที่ผู้ป่วยโรคไตในประเทศไทยที่มีความจำเป็นต้องล้างไตมีจำนวนสูงถึง 5 แสนคน
“ผู้ป่วยโรคไตแม้จะได้รับวัคซีนแล้ว แต่ภูมิในร่างกายที่ตอบสนองต่อวัคซีนอยู่ในระดับ 30-50% ต่ำกว่าคนทั่วไป เมื่อติดเชื้อโควิดควรได้รับการตอบรับรักษาโดยเร็ว โดยเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนขยายหน่วยล้างไตสำหรับผู้ติดเชื้อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยอาจสนับสนุนงบประมาณการเบิกจ่ายพิเศษเพื่อจูงใจสถานพยาบาลหรือหน่วยบริการปัจจุบันเพื่อเพิ่มบริการผู้ป่วยโควิด ให้ผู้ป่วยโรคไตและครอบครัวได้รู้สึกคลายกังวลและไม่ต้องผจญกับความสูญเสีย” ดร.สุวดีกล่าว
ดร.สุวดียังกล่าวด้วยว่า ผู้ป่วยกลุ่ม 608 ไม่ได้รับยาที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อป้องกันการลงปอด ยาเรมเดซิเวียร์ยังเบิกใช้กับผู้ป่วยเสี่ยงเสียชีวิตสูงได้อย่างจำกัด เนื่องจากจำนวนยามีไม่มากพอสำหรับผู้ป่วยกลุ่ม 608 ทุกราย ขณะที่ฟ้าทลายโจร และยาฟาวิพิราเวียร์ไม่ได้ลดอัตราการเสียชีวิตหรือเจ็บป่วยหนักในผู้ป่วยกลุ่ม 608 ซึ่งมีความเสี่ยงสูง ทำให้อัตราเสียชีวิตทะยานสูงขึ้น
“ขอให้รัฐบาลเร่งสั่งซื้อยาเพิ่มโดยด่วน โดยเฉพาะยาเรมเดซิเวียร์ รวมถึงยาที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าอย่างแพ็กซ์โลวิดและโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งประชาชนไม่ควรอยู่ในสภาวะทดท้อว่าตนจะได้รับยาใดเพื่อลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต ขอให้รัฐบาลตื่นตัว ตื่นรู้ และทำหน้าที่ดูแลประชาชนผู้ติดเชื้อให้ได้รับการรักษาที่ดีมีคุณภาพ อย่าอั้นยา และไม่ควรมองว่าการเสียชีวิตของกลุ่มผู้สูงอายุเป็นเรื่องปกติ เพราะหากพวกเขาได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงทีตั้งแต่พบการติดเชื้อ ได้รับยาดีที่เหมาะกับโรค ยอดผู้เสียชีวิตรายวันก็คงไม่เพิ่มสูงขึ้นขนาดนี้” ดร.สุวดีกล่าวในที่สุด