วันนี้ (26 มีนาคม) จากกรณี พ.ต.อ. กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รองผู้บังคับการกองร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท. พิทักษ์ แก้วคำหาร สารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาล (สน.) สุทธิสาร ให้ดำเนินคดี พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และ พ.ต.อ. พัลลภ สุภิญโญ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 (รอง ผบก.สส.บช.ภ.2)
กรณีที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ไหว้วานให้ พ.ต.อ. พัลลภปลอมลายมือชื่อตนเองในวันซ้อมย่อยพิธีพระราชทานปริญญาบัตรและเข็มพระราชทาน วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65
โดยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2567 พล.ต.อ. สุรเชษฐ์มีการนำไปใช้และแจ้งต่อเจ้าพนักงานของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 264, 265 และ 268 ประกอบมาตรา 83 ฯลฯ เหตุเกิดที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) เลขที่ 64 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 1-10 มีนาคม 2567 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน
ล่าสุด แหล่งข่าวจาก วปอ. ระบุว่า การซ้อมย่อยพิธีพระราชทานปริญญาบัตรและเข็มพระราชทาน วปอ. รุ่นที่ 65 นักศึกษาจะทราบขั้นตอนกันดี ใครมีเวลาหรือไม่มีเวลามาซ้อม ซึ่งจะมีการกำหนดตารางการซ้อมไว้คร่าวๆ ว่าจะดำเนินการกี่วัน ซึ่งประกอบด้วยการซ้อมย่อยและการซ้อมใหญ่
“นักศึกษาบางคนไม่ว่างติดภารกิจก็ไม่ได้ว่าอะไร มอบหมายให้ตัวแทนมาดำเนินการแทนได้ เช่น การซ้อมถ่ายรูปหมู่ ยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้ เพราะ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์มาซ้อมวันสุดท้ายวันเดียว ซึ่งก่อนหน้านั้นส่งลูกน้องมา” แหล่งข่าว วปอ. กล่าว
ส่วนการลงนามแทนนั้นเปรียบเสมือนลงนามเพื่อแสดงให้เห็นว่ามาเป็นตัวแทนของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ที่มาฝึกซ้อมและมาถ่ายรูปแทน
นักศึกษาบางคนไม่มีเวลามาก็แจ้งให้ตัวแทนมาแทน ซึ่งก็มีอยู่หลายคนไม่ใช่เฉพาะ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์เท่านั้นที่ส่งผู้แทนมา ซึ่งมองว่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นสาระอะไร เขามาซ้อมแต่ไม่ได้มาซ้อมในวันดังกล่าว ติดงาน ไม่ว่างก็ส่งคนมา แต่คนที่ไปเซ็นแทนอาจพลาดตรงที่ตอนเซ็นควรจะวงเล็บว่าเป็นผู้แทน จึงดูไม่เหมาะสม แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีผลอะไร เพราะเป็นการแจ้งกันเองภายใน และเป็นข้อกำหนดภายใน วปอ.