×

ส่งออกเดือนตุลาคมโตเกินคาดจากทองคำและอิเล็กทรอนิกส์ SCB EIC ปรับเพิ่มมุมมองปีนี้ แต่ปีหน้าแย่ลงจาก Trump 2.0

27.11.2024
  • LOADING...
ส่งออก

การส่งออกเดือนตุลาคม 2024 โตดี 14.6% เกินกว่าคาดต่อเนื่อง

 

มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือนตุลาคม 2024 อยู่ที่ 27,222.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 14.6%YoY (เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน) เร่งตัวขึ้นจาก 1.1% ในเดือนก่อน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ (SCB EIC ประเมินไว้ 5% ขณะที่ Reuters Polls มีค่ากลางของการคาดการณ์ 5.2%) หรือหากไม่รวมทองคำจะขยายตัว 9% ทำให้ภาพรวมมูลค่าการส่งออกไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 250,398 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 4.9% (ตัวเลขระบบศุลกากร)

 

ภาพรวมการส่งออกไทยกลับมาร้อนแรงอีกครั้งหลังจากชะลอตัวในเดือนก่อน สะท้อนจากตัวเลขมูลค่าการส่งออกของไทยเทียบกับเดือนก่อนหน้าแบบปรับฤดูกาลที่ขยายตัวมากถึง 3.9%MoM_SA จาก 

 

  1. มูลค่าการส่งออกทองคำกลับมาขยายตัวสูงถึง 169.3% หลังจากหดตัวในเดือนก่อน (ทองคำมีส่วนทำให้มูลค่าการส่งออกเดือนนี้เพิ่มขึ้นมากถึง 6.3%) คาดว่าเป็นผลจากราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นและความต้องการทองคำเพื่อรองรับความเสี่ยงของโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงความต้องการสะสมทองคำของธนาคารกลางต่างๆ 

 

  1. วัฏจักรขาขึ้นของสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่าการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ขยายตัวมากถึง 88.3% และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ขยายตัว 46.3% (สินค้ากลุ่มนี้มีส่วนทำให้มูลค่าการส่งออกเดือนนี้เพิ่มขึ้นมากถึง 4.1%) 

 

  1. ปัจจัยฐานต่ำ โดยมูลค่าการส่งออกเดือนตุลาคมปีก่อนอยู่ที่ 23,753.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งค่อนข้างต่ำหากเทียบกับค่าเฉลี่ยทั้งปี 2023 และค่าเฉลี่ยเดือนตุลาคมในอดีต

 

การส่งออกเดือนนี้ขับเคลื่อนโดยสินค้าอุตสาหกรรม ขณะที่สินค้าแร่และเชื้อเพลิงหดตัว

 

หากพิจารณาสินค้าส่งออกรายหมวดพบว่า

 

  1. สินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวสูง 18.6% จาก 2% ในเดือนก่อน ซึ่งขยายตัว 7 เดือนติดต่อกัน โดยทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล รวมทั้งผลิตภัณฑ์ยาง เป็นสินค้าหลักที่ขยายตัวได้ ขณะที่รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รวมทั้งอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เป็นสินค้าหลักที่หดตัว

 

  1. สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรขยายตัว 7.6% ใกล้เคียงเดือนก่อน โดยอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง รวมทั้งผลไม้กระป๋องและแปรรูป เป็นสินค้าที่ยังขยายตัวดี ขณะที่ไขมัน น้ำมันจากพืชและสัตว์ และน้ำตาลทราย เป็นสินค้าสำคัญที่หดตัว 

 

  1. สินค้าเกษตรขยายตัว 6.8% เร่งขึ้นมากจาก 0.2% ในเดือนก่อน เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยยางพาราและข้าวเป็นสินค้าหลักที่ขยายตัวได้ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นสินค้าสำคัญที่หดตัว 

 

  1. สินค้าแร่และเชื้อเพลิงหดตัวน้อยลงเหลือ -22.2% จาก -24.9% ในเดือนก่อนตามการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปที่ยังหดตัวมากถึง -21.4% จากราคาน้ำมันที่หดตัว -16.5%YoY ในเดือนนี้ 

 

ตลาดสหรัฐฯ ยุโรป และอินเดีย ยังขยายตัวดี ตลาดญี่ปุ่นกลับมาขยายตัว

 

หากพิจารณาการส่งออกรายตลาดหลักพบว่า

 

  1. ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวสูง 25.3% และครอบคลุม 9 จาก 10 สินค้าสำคัญที่ส่งออกไปสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รวมทั้งกลุ่มเครื่องโทรสาร-โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยกเว้นอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด ที่หดตัว 

 

  1. ตลาดยุโรปขยายตัว 27.3% ค่อนข้างทั่วถึง 7 จาก 10 สินค้าสำคัญที่ส่งออกไปยุโรป นำโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ที่ขยายตัวถึง 127% 

 

  1. ตลาดอินเดียกลับมาขยายตัว 14% หลังจากชะลอตัวลงเหลือ 2.2% ในเดือนก่อน โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรม เช่น เครื่องปรับอากาศ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ เครื่องจักรกล รวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่ 2 ขยายตัวมากถึง 381.7%, 199.8%, 191.6% และ 131.9% ตามลำดับ ทั้งนี้ เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ยางก็พลิกกลับมาขยายตัว 72.9% และ 40.2% ตามลำดับ หลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า 

 

  1. ตลาดญี่ปุ่นพลิกกลับมาขยายตัว 7% ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 9 เดือน โดยสินค้าส่งออกสำคัญไปญี่ปุ่นกลับมาขยายตัว 12 จาก 15 รายการ โดยเฉพาะ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป รวมทั้งผลิตภัณฑ์ยาง ที่กลับมาขยายตัวมากถึง 21.6% และ 16.4% หลังจากที่หดตัว -11.0% และ -2.4% ในเดือนก่อน ตามลำดับ ทั้งนี้ ส่งออกยางพารายังคงโตต่อเนื่อง 12 เดือนที่ 155.8%

 

สำหรับตลาดอื่นๆ พบว่ายังมีความผันผวนต่อเนื่องจากการส่งออกทองคำ โดยเฉพาะตลาดสวิตเซอร์แลนด์ อาเซียน และฮ่องกง โดยมูลค่าการส่งออกไปสวิตเซอร์แลนด์ขยายตัวถึง 127.1% สาเหตุหลักเพราะการส่งออกทองคำขยายตัวมากถึง 164.4% ตลาดอาเซียน 5 และ CLMV ขยายตัว 6.8% และ 27.9% ตามการส่งออกทองคำไปสิงคโปร์และกัมพูชาที่ขยายตัวมากถึง 210.2% และ 431.4% ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกไปฮ่องกงหดตัว -24.2% ตามการส่งออกทองคำไปฮ่องกงที่หดตัว -68% เป็นสำคัญ

 

ดุลการค้ากลับมาหดตัว หลังเกินดุล 2 เดือนติดต่อกัน

 

มูลค่าการนำเข้าสินค้าในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 28,016.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 15.9% ขยายตัวสูงติดต่อกัน 5 เดือน โดยการนำเข้าสินค้าทุน สินค้าเชื้อเพลิง สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ขยายตัวสูง 25.7%, 22.2% 16.2% และ 13.9% ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่งยังคงหดตัว -22.1% รุนแรงน้อยสุดในรอบครึ่งปี ดุลการค้าระบบศุลกากรเดือนตุลาคมขาดดุล -794.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพรวม 10 เดือนแรกของปี 2024 ดุลการค้าไทยขาดดุล -6,751.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

SCB EIC เพิ่มประมาณการส่งออกปีนี้ตามข้อมูลจริง แต่ปรับลดประมาณการปี 2025

 

SCB EIC ปรับเพิ่มประมาณการส่งออกไทยปี 2024 เป็น 3.9% จากเดิม 2.6% (ตัวเลขระบบดุลการชำระเงิน, มุมมอง ณ เดือนพฤศจิกายน 2024) โดยได้รับแรงสนับสนุนจาก

 

  1. เศรษฐกิจโลกและปริมาณการค้าโลกปี 2024 ขยายตัวตามคาด เศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มขยายตัว 2.7% ตามประมาณการเดิม ปริมาณการค้าโลกมีแนวโน้มเติบโตกว่าประมาณการเดิมขององค์การการค้าโลก (WTO) ใกล้เคียงอัตราการเติบโตเศรษฐกิจโลก แม้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (World Bank) จะยังคงตัวเลขคาดการณ์ปริมาณการส่งออกเดิมไว้ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่ทยอยลดลง ซึ่งช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในตลาดโลก 

 

  1. ข้อมูลจริงของการส่งออกไทยดีกว่าคาดต่อเนื่อง โดยเฉพาะเดือนตุลาคมที่ขยายตัวมากถึง 14.6% สูงกว่าที่ตลาดคาด จากการส่งออกทองคำที่เพิ่มขึ้นและวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น ส่งผลให้มูลค่าส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2024 ขยายตัวถึง 4.9% (ตัวเลขระบบศุลกากร)

 

  1. ในช่วงที่เหลือของปี 2024 การส่งออกไทยมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้นและอุปสงค์ต่างประเทศที่อาจเร่งตัวขึ้นจากความกังวลว่าประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มปีหน้า ทำให้มีการเร่งซื้อสินค้าไว้ก่อน ประกอบกับปัจจัยฐานที่ค่อนข้างต่ำจากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2023

 

อย่างไรก็ตาม SCB EIC ปรับลดประมาณการส่งออกปี 2025 เหลือ 2.0% (เดิม 2.8%) จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการค้าโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไป

 

  1. ปริมาณการค้าโลกปี 2025 มีปัจจัยเสี่ยงด้านลบมากขึ้น โดยองค์การการค้าโลก (WTO) ปรับลดประมาณการปริมาณการค้าเหลือเพียง 3% จากเดิม 3.3% แม้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (World Bank) ยังคงคาดการณ์เดิม แต่ทั้ง 3 หน่วยงานต่างกังวลปัจจัยเสี่ยงปีหน้า เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน และ China’s Overcapacity ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อาจเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าที่จะเข้มงวดขึ้น สะท้อนจากการประเมินล่าสุดของ WTO ที่แสดงปัจจัยเสี่ยงด้านบวกที่ลดลงมากเมื่อเทียบกับผลประเมินครั้งก่อน ขณะที่ปัจจัยด้านลบเพิ่มสูงขึ้น (ยังไม่รวมผลของนโยบาย Trump 2.0)

 

  1. เศรษฐกิจโลกในปี 2025 จะเผชิญความท้าทายจากนโยบาย Trump 2.0 ทำให้มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงเหลือ 2.5% (เดิม 2.8%) เนื่องจากประเทศเศรษฐกิจสำคัญเกือบทุกประเทศมีแนวโน้มเติบโตต่ำลง โดยเฉพาะจีนที่เป็นคู่ค้าหลักของไทย 

 

ภายใต้สมมติฐานของ SCB EIC ที่ประเมินว่าสหรัฐฯ จะขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนเฉลี่ย 20 Percentage Points และสินค้าประเทศอื่นเฉลี่ย 10 Percentage Points ขณะที่ประเทศอื่นจะตอบโต้สหรัฐฯ กลับในอัตราภาษีเท่ากัน อีกทั้งด้านยุโรปกับจีนจะขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างกันเฉลี่ย 10 Percentage Points (ทั้งนี้ การขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจะแตกต่างกันระหว่างกลุ่มประเทศและประเภทสินค้า) กดดันเศรษฐกิจและการค้าโลกโดยตรง

 

นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังจะดำเนินนโยบายกีดกันผู้อพยพ ซึ่งจะกระตุ้นให้ยุโรปดำเนินนโยบายในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้ ประเทศต่าง ๆ จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาผลกระทบจากนโยบาย Trump 2.0 

 

  1. นโยบาย Trump 2.0 จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกสุทธิของไทย โดยประเมินการส่งออกสุทธิของไทยจะลดลงจากกรณีที่ไม่มีนโยบาย Trump 2.0 ราว -0.4 ถึง -0.5 Percentage Points ในปี 2025 เนื่องจาก 

 

3.1 สินค้าส่งออกไทยไปยังสหรัฐฯ มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น เพราะไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ติดอันดับที่ 12 ของโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยอย่างมีนัยสำคัญ เพราะสหรัฐฯ เป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย มีสัดส่วน 17% ของมูลค่าการส่งออกไทยทั้งหมด

 

3.2 การแข่งขันจากสินค้าจีนเพิ่มขึ้นจากนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของ Trump 2.0 สินค้าจีนจะส่งออกไปสหรัฐฯ ได้ลดลง นอกจากนี้ปัญหา China’s Overcapacity ที่จะรุนแรงขึ้น จีนจะมุ่งเป้ามายังตลาดอื่นแทน รวมถึงไทย ทำให้ภาคการผลิตและภาคการส่งออกสินค้าไทยจะเผชิญการแข่งขันจากจีนมากขึ้นอีก

 

  1. ปัจจัยฐานสูงของการส่งออกไทยปีนี้ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูงเกิน 3.9% จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้อัตราการขยายตัวการส่งออกไทยในปี 2025 ชะลอลงจากปีนี้

 

ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินมุมมองการส่งออกไทยปีนี้ล่าสุด 3.9% (ข้อมูลระบบดุลการชำระเงิน) ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2024 ก่อนที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลขเดือนตุลาคมสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก มูลค่าการส่งออกปีนี้จึงมีโอกาสขยายตัวสูงกว่า 4% ขณะที่ปัจจัยฐานสูงอาจทำให้มูลค่าส่งออกปี 2025 โตต่ำกว่า 2% ได้

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.scbeic.com/th/detail/product/trade-261124?utm_source=Influencer&utm_medium=Link&utm_campaign=FLASH_EXPORTOCT_NOV_2024

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X