วันนี้ (21 สิงหาคม) ที่ประชุม สภา ผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับที่คณะกรรมาธิการพิจารณาปรับแก้ โดยที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ 409 เสียง เห็นชอบตามที่คณะกรรมาธิการปรับแก้ จากทั้งหมด 410 เสียง โดยหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบแล้ว จะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
เห็นชอบ ‘3 เพิ่ม’ เดินหน้าประชามติ
สำหรับเนื้อหาสาระที่ประชุมเห็นด้วยตามที่คณะกรรมาธิการปรับแก้ โดยกำหนดให้วันออกเสียงประชามติเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้งอื่น เมื่อต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ให้ประธานรัฐสภาแจ้งนายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงตามที่กำหนด ซึ่งต้องไม่เร็วกว่า 90 วัน และไม่ช้ากว่า 120 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากประธานรัฐ สภา
และหากเห็นว่าการเลือกตั้งทั่วไป หรือการเลือกตั้งท้องถิ่น แล้วแต่กรณี อยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน อาจกำหนดให้วันออกเสียงประชามติเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้งอื่นก็ได้ แต่ต้องไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภา
ส่วนการออกเสียงให้กระทำการโดยใช้บัตรออกเสียง หรือทางไปรษณีย์ หรือใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ หรือใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือโดยวิธีอื่น ซึ่งวิธีการนั้นสามารถป้องกันการทุจริตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนเข้าถึงได้โดยสะดวก และอาจใช้วิธีลงคะแนนได้หลายวิธี และใช้เขตออกเสียงหนึ่ง หรือหลายเขตออกเสียง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่กรรมการกำหนด
ทั้งนี้ยังกำหนดให้การออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องการทำประชามติ ให้ใช้เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง โดยคะแนนเสียงข้างมากต้องสูงกว่าคะแนนงดออกเสียงในเรื่องการจัดทำประชามตินั้น
ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมสภามีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประชามติ นับเป็นความสำเร็จในขั้นต้น เพื่อถอดสลักตัวแรกที่ปิดตายการแก้ปัญหาประเทศ เดินหน้าสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านกลไกการออกเสียงประชามติ ให้มีกติกาที่เป็นสากล ปฏิบัติได้จริง และสอดคล้องกับบริบทในสังคมไทยมากขึ้น เพื่อให้ในอนาคตการหาคำตอบในเรื่องต่างๆ ในสังคมสามารถใช้กลไกนี้ได้อย่างเป็นธรรม ภายใต้การนำของรัฐบาลเพื่อไทย
นอกจากนี้ สาระสำคัญของการแก้ไขยังเป็น ‘3 เพิ่ม’ ได้แก่ เพิ่มส่วนร่วมของประชาชน เพิ่มความคล่องตัวในการทำประชามติ และเพิ่มความเป็นธรรม พร้อมยืนยันว่าจะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองทุกพรรคที่ต้องการเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญปัจจุบันไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
หวังรัฐบาลใหม่ทบทวนคำถามประชามติ
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ร่วมให้ความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ว่า โจทย์สำคัญที่สุดเฉพาะหน้าในขณะนี้หนีไม่พ้นเรื่องการกำหนดคำถามประชามติสำหรับการทำประชามติครั้งแรก ซึ่งคณะรัฐมนตรีในยุค เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เคยเสนอให้ใช้คำถามว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ที่จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่แก้ไขหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์”
พรรคประชาชนมีความกังวลว่าการตั้งคำถามในลักษณะดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สะดุดลงและไม่ประสบความสำเร็จ พร้อมเสนอให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะทบทวนคำถามประชามติ โดยหันมาใช้คำถามที่มีลักษณะเปิดกว้างว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ที่จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (โดยไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ)”