วันนี้ (19 ตุลาคม) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ และโฆษกกรมอนามัย แถลงข่าวการติดเชื้อโควิดและผลการรณรงค์ฉีดวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อโควิด พบว่าสัดส่วนการเสียชีวิตสูงขึ้นกว่าภาวะปกติถึง 50-60% และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในหลายประเทศ โดยในยุโรปและสหรัฐอเมริกาพบประมาณ 25% สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่ตุลาคม 2563 – กันยายน 2564 มีหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตทั้งหมด 192 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตจากโควิดถึง 78 ราย คิดเป็น 38% ซึ่งถือว่าสูงมาก
สำหรับช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ 1 เมษายน – 16 ตุลาคม 2564 มีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อโควิดจำนวน 4,778 ราย ส่วนใหญ่อยู่ใน กทม. ปริมณฑล และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทารกติดเชื้อจากมารดา 226 ราย หญิงตั้งครรภ์เสียชีวิต 95 ราย ทารกที่อยู่ในครรภ์เสียชีวิต 46 ราย
กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งฉีดวัคซีนให้หญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 ตั้งเป้าหมาย 1 แสนคน ขณะนี้ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว 7.5 หมื่นคน เข็ม 2 จำนวน 5.1 หมื่นคน และได้รับการกระตุ้นเข็ม 3 จำนวน 526 คน ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ตั้งครรภ์
ภาพรวมผลหลังการรณรงค์ฉีดวัคซีนในระดับเขตสุขภาพพบว่า ภาคตะวันออกฉีดได้สูงสุด 40% และภาคกลาง อาทิ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ได้กว่า 30% ส่วนภาคอีสานฉีดได้เพียง 10-20%
“จำนวนหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ ที่ต้องได้รับวัคซีนมีประมาณ 3 แสนราย ขณะนี้ฉีดได้เพียง 7.5 หมื่นราย หรือประมาณ 25% จึงต้องเร่งรณรงค์ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น เนื่องจากพบว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อประมาณ 95% ไม่ได้รับวัคซีน เป็นสาเหตุทำให้มีอาการรุนแรงและเสียชีวิต จึงขอให้หญิงตั้งครรภ์เข้ารับการฉีดวัคซีนได้ฟรีที่สถานบริการของรัฐใกล้บ้าน หรือคลินิกฝากครรภ์ สำหรับหญิงให้นมบุตรสามารถฉีดวัคซีนได้ ไม่มีผลต่อน้ำนม และประโยชน์จากการฉีดวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยงหรือผลข้างเคียง” นพ.เอกชัยกล่าว
นพ.เอกชัยกล่าวต่อว่า จากผลสำรวจอนามัยโพล หญิงตั้งครรภ์กับการฉีดวัคซีนโควิด ระหว่างวันที่ 15-29 กันยายน 2564 จากหญิงตั้งครรภ์ทั่วประเทศ 1,165 คน พบว่า 98% ฝากครรภ์แล้ว อยู่ร่วมกับสมาชิกในบ้านมากกว่า 2 คนขึ้นไป โดยครึ่งหนึ่งไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย 60% ตั้งใจจะฉีดวัคซีน ส่วนที่เหลือยังลังเล โดย 1 ใน 3 มีความกังวลเรื่องความปลอดภัย ผลข้างเคียง ไม่มั่นใจประสิทธิภาพ ส่วนที่เหลือเป็นเหตุผลอื่น เช่น ไม่ทราบว่าจะไปฉีดที่ไหน ไม่มีเวลา เป็นต้น
ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ฯ สมาคมโรคติดเชื้อฯ และกระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลตรงกันว่า จากรายงานการศึกษาวิจัยในต่างประเทศ ยืนยันวัคซีนสูตรไขว้สามารถฉีดในหญิงตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย ผลข้างเคียงไม่ต่างจากคนทั่วไปและหายเองได้ เช่น ปวดศีรษะ ไข้เล็กน้อย อ่อนเพลีย เป็นต้น สำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านหรืออยู่ร่วมกับผู้อื่นขอให้ป้องกันตนเองขั้นสูงสุด (Universal Prevention) สวมหน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่างเมื่อเข้าที่ชุมชน ล้างมือ ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น แยกรับประทานอาหาร และทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วมในบ้าน ส่วนกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนจะต้องเพิ่มความระมัดระวังและป้องกันตนเองขั้นสูงสุดเช่นกัน