ไปรษณีย์ไทยถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่กับประเทศไทยมานาน แต่ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอย่างการมาเล่นในตลาดของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ทำให้สินค้าจำนวนมากเข้าถึงผู้บริโภคได้จากทั่วโลก ส่งผลให้วิธีการทำธุรกิจแบบเดิมจำต้องเปลี่ยนตามเพื่อตอบสนองให้เท่าทันสถานการณ์
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เดินหน้าผลักดันบริการ EMS World ส่งด่วนทั่วโลก เพื่อขยายฐานธุรกิจไปยังต่างประเทศ ขยายการเข้าถึงของสินค้าจากผู้ประกอบการไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลก ผ่านเส้นทางการขนส่งหลากหลายจากความร่วมมือกับการไปรษณีย์ทั่วโลก และการสร้างพันธมิตรกับกลุ่มแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เมื่อตลาดดังกล่าวในไทยอาจโตได้ถึง 7 แสนล้านบาท และเพื่อตอบสนองกับคู่แข่งในตลาดที่เพิ่มขึ้น
“ที่ผ่านมาปริมาณการขนส่งสินค้าของเราลดลง จากการเปลี่ยนกฎระเบียบของประเทศต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เช่น การจำกัดประเภทสินค้าที่ส่งได้ แต่ในท้ายที่สุด ‘ความต้องการส่ง’ ของผู้คนไม่ได้ลดลงตาม จนบีบให้พวกเขาหันไปหาช่องทาง ‘สีเทา’ ไปรษณีย์ไทยจึงเจอกับโจทย์ที่ปริมาณการส่งในช่องทางที่ดำเนินการอย่างถูกต้องมีจำนวนน้อยลง เราจึงได้เริ่มจับมือกับ Vietnam Post และ Indonesia Post ขยายฐานการขนส่งสินค้าให้กว้าง เพื่อชดเชยกับจำนวนที่หายไป” ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์การขยายตลาด
ไปรษณีย์ไทยเล็งเห็นว่าสินค้าไทยมีศักยภาพที่จะแข่งขันและเป็นที่ต้องการในเวทีโลก บริษัทจึงตัดสินใจร่วมมือกับทางเวียดนามและอินโดนีเซียเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าคุณภาพของแต่ละประเทศให้คนเข้าถึงง่ายขึ้น ทำให้ ‘Traffic’ หรือการค้าขายระหว่างประเทศโดยผู้ประกอบการไทยเติบโต รวมถึงสหภาพสากลไปรษณีย์ (Universal Postal Union: UPU) การไปรษณีย์สมาชิกอาเซียน ASEAN Post และ ASEAN Post++ (จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย) การไปรษณีย์กลุ่ม KPG (Kahala Posts Group) ก็เป็นองค์กรพันธมิตรของไปรษณีย์ไทยด้วย
นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทยยังเป็นจับมือกับแพลตฟอร์ม eBay เพื่อนำสินค้าไทยส่งเข้าไปในระบบ eBay ให้สามารถวางขายบนแพลตฟอร์มได้ทั่วโลก และอีกหนึ่งรายคือ Amazon FBA (Fulfillment by Amazon) หรือบริการรับคำสั่งจากผู้ซื้อทั่วโลก โดยมีไปรษณีย์ไทยเป็นผู้ส่งสินค้าเข้าคลังในต่างประเทศตามยอดการสั่งซื้อ ซึ่งกำลังจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 4
สำหรับปลายทางที่ไปรษณีย์ไทยมีการส่งระหว่างประเทศ 5 อันดับแรก ได้แก่
- สหรัฐอเมริกา
- ญี่ปุ่น
- สหราชอาณาจักร
- เกาหลีใต้
- ออสเตรเลีย
โดยมีสินค้าที่นิยมส่งคือ เสื้อผ้า ขนมและอาหารแห้ง สินค้ากลุ่มสุขภาพและความงาม เอกสาร ของสะสม
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดการณ์ว่าครึ่งหลังของปี 2567 กลุ่มธุรกิจบริการระหว่างประเทศจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 1.8 พันล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก ไปรษณีย์ไทยทำรายได้อยู่ที่ 10,602.30 ล้านบาท ด้วยผลกำไร 136.60 ล้านบาท โดยมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจขนส่งต่างประเทศคิดเป็น 12.2% ของรายได้ทั้งหมด
ส่วนมุมมองอนาคตระยะสั้น ดร.ดนันท์ กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้ารายได้ของปี 2567 เบ็ดเสร็จไว้ที่ 2.18 หมื่นล้านบาท