×

ยุบสภา vs แก้รัฐธรรมนูญ: การเมืองไทย 3 ก๊ก

โดย THE STANDARD TEAM
03.09.2025
  • LOADING...
สมการการเมืองไทย 3 ขั้ว ยุบสภา vs แก้รัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย และพรรคประชาชน

ทางแยกของการเมืองไทย

 

การเมืองไทยในเวลานี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้งในฐานะ ‘วาระใหญ่’ ที่จะชี้ชะตาอนาคตทางการเมือง 

 

แต่ขณะเดียวกันการ ยุบสภา ก็เดินหน้าเต็มอัตรา โดยมีพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลเป็นผู้ถือดุลอำนาจสำคัญ

 

คำถามที่หลายฝ่ายตั้งคือ หากเพื่อไทยเลือกยุบสภาในเวลานี้ การแก้รัฐธรรมนูญจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร

 

ยุบสภา vs แก้รัฐธรรมนูญ

 

ตามหลักการรัฐธรรมนูญ เมื่อมีการยุบสภา ร่างกฎหมายและร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมดที่ยังไม่แล้วเสร็จจะ ‘ตกไป’ แต่สามารถยืนยันว่าจะไปต่อหรือไม่หลังมีครม.ชุดใหม่ รวมถึงกระบวนการใดๆ ต้องเริ่มใหม่ในสภาชุดถัดไป ซึ่งแม้ไม่ใช่การ ‘ปิดประตูถาวร’ แต่ก็ถือเป็นการหยุดชะงัก และทำให้อนาคตของการแก้ไขขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งรอบหน้าอย่างสิ้นเชิง

 

ปัจจุบัน ในสภายังมี ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกเสนอแล้วกว่า 20 ฉบับ ครอบคลุมหลากหลายมาตรา แต่ร่างที่ถูกจับตาที่สุดคือ ร่างแก้มาตรา 256 ของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ที่มุ่งเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ซึ่งทั้งสองร่างกำลังรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะต้องมีการทำประชามติกี่รอบ

 

อย่างไรก็ตาม หากมีการยุบสภา ร่างแก้ไขทั้งหมดจะต้องเริ่มต้นใหม่ในรัฐบาลหน้า และไม่มีหลักประกันว่าพรรคการเมืองที่จะได้เสียงข้างมากจะยังเดินหน้านโยบายนี้ต่อไป

 

ข้อตกลงทางการเมือง: ประชาชน + ภูมิใจไทย

 

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 มีการประกาศข้อตกลงร่วมกันระหว่าง พรรคประชาชน และ พรรคภูมิใจไทย โดยมีสาระสำคัญว่า

 

1.นายกฯ คนใหม่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือนนับแต่วันที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้ง

 

2.หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าต้องทำประชามติก่อนแก้ไขมาตรา 256 รัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งจัดทำประชามติ และเดินหน้าจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ไม่ช้าไปกว่าวันเลือกตั้งใหม่

 

3.หากศาลชี้ว่าไม่จำเป็นต้องทำประชามติก่อน พรรคประชาชนและภูมิใจไทยจะต้องเร่งผลักดันร่างแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญทันที

 

4.พรรคภูมิใจไทยจะไม่พยายามสร้างรัฐบาลเสียงข้างมากเอง เพื่อให้มั่นใจว่านายกฯ เฉพาะกาลจะยุบสภาภายใน 4 เดือนจริง

 

5.พรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมบริหาร แต่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบรัฐบาลชุดใหม่เต็มที่

 

ข้อตกลงนี้ถูกมองว่าเป็น Memorandum of Agreement (MOA) ที่เปิดทางไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญใหม่ แต่หากมีการยุบสภาก่อน ทุกอย่างใน MOA นี้จะสิ้นสุดลงโดยทันที

 

บทบาทของพรรคภูมิใจไทย

 

พรรคภูมิใจไทยถูกมองว่าเป็น ‘พรรคตัวกลาง’ (Kingmaker) ที่สามารถกำหนดทิศทางได้ว่าจะเข้าร่วมกับฝ่ายใด ซึ่งจะทำให้พรรคดังกล่าวกลายเป็นแกนนำรัฐบาล เช่น ร่วมกับพรรคเพื่อไทยก่อนหน้า 

 

ท่าทีต่อรัฐธรรมนูญ: พรรคภูมิใจไทยยอมรับข้อเสนอของพรรคประชาชน สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญใหม่ผ่านประชามติโดยสสร.

 

กลยุทธ์การเมือง: เลือกแนวทางประนีประนอม ไม่ขัดแย้งตรง ๆ กับฝ่ายใด เพื่อรักษาฐานเสียงในภูมิภาค

 

ความเสี่ยงจากการยุบสภา: หากผลเลือกตั้งรอบใหม่ไม่เอื้อ พรรคภูมิใจไทยอาจสูญเสียสถานะ ‘พรรคตัวกลาง’ ที่มีอำนาจต่อรองสูง และข้อตกลงกับพรรคประชาชนก็จะตกไปโดยทันที

 

บทบาทของพรรคประชาชน

 

พรรคประชาชนประกาศตัวชัดเจนว่า การแก้รัฐธรรมนูญคือวาระหลัก และพร้อมจะแลกด้วยการไม่มีตำแหน่งบริหารเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องดังกล่าว

 

จุดยืน: ต้องการให้มีรัฐธรรมนูญใหม่ที่สะท้อนเจตจำนงของประชาชน ผ่านการทำประชามติ

 

กลยุทธ์: สร้างพันธมิตรกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อเสริมความแข็งแรงในการผลักดัน

 

ข้อจำกัด: หากมีการยุบสภา ข้อตกลงนี้จะสิ้นสุดโดยปริยาย พรรคอาจสูญเสียแรงส่งทางการเมือง และต้องเริ่มเกมใหม่หลังเลือกตั้ง

 

สุดทางของเพื่อไทย

 

ในฐานะแกนนำรัฐบาล หากมีการยุบสภาเกิดขึ้นวันนี้ ย้ำหากมีการยุบสภาเกิดขึ้นจริง

 

พรรคเพื่อไทยจะยังมีเวลาประมาณ 2 เดือน ก่อนการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญยิ่ง ทั้งในการที่จะแก้เกณฑ์อื่นๆทางการเมือง แต่ขณะเดียวกันก็หมายความว่าจะสามารถรักษาการเป็นนายกต่อไปได้อีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง

 

แต่การจะตัดสินใจเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ แทบเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เพราะกระบวนการซับซ้อนและต้องรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

 

สมการสามขั้ว

 

เพื่อไทย: ถือกุญแจว่าจะยุบสภาหรือไม่ หากยุบ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมด รวมถึงร่างแก้ ม.256 จะตกไปชั่วคราว 

 

ภูมิใจไทย: เสี่ยงเสียบทบาทตัวกลาง และต้องเริ่มเกมต่อรองใหม่ ในรัฐบาลหน้า 

 

ประชาชน: สูญเสียการผลักดันวาระสำคัญ และโมเมนตัมที่สร้างมาอาจจะจะหายไปทันที

 

หากเกิดการยุบสภาในช่วงนี้ ผลที่ตามมาชัดเจนคือ การแก้รัฐธรรมนูญจะไม่เกิดขึ้นในรอบนี้ ไม่ใช่เพราะขาดเจตจำนงทางการเมือง แต่เพราะเวลาและเงื่อนไขไม่เอื้ออำนวย อีกทั้งยังหมายความว่า MOA ระหว่างภูมิใจไทยกับประชาชนก็จะถูกยกเลิก เบรกกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญที่เคยหวังไว้

 

เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งใหม่ สมดุลอำนาจในสภาอาจเปลี่ยนไป และไม่มีหลักประกันว่าพรรคการเมืองที่กุมเสียงข้างมากจะยังคงเดินหน้านโยบายแก้รัฐธรรมนูญเป็นวาระสำคัญ แม้พรรคประชาชนจะประกาศเดินหน้าเป็นนโยบายสำคัญ 

 

ดังนั้น เกมการเมืองไทยวันนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องของการยุบสภา แต่ยังเป็นเดิมพันครั้งใหญ่ต่ออนาคตของรัฐธรรมนูญ และต่อบทบาทของพรรคการเมืองทั้งสามขั้วที่จะถูกรีเซ็ตใหม่ทั้งหมด

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising