เมื่อวานนี้ (25 กุมภาพันธ์) ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวชี้แจงแทน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในประเด็นเงินสวัสดิการครู โดยยืนยันว่านายกรัฐมนตรีต้องการให้มีความโปร่งใส ปราศจากผลประโยชน์ที่ไม่ได้ตกกับครูโดยตรง และรัฐมนตรีในรัฐบาลก่อนหน้านี้ได้ทำตามแนวปฏิบัติต่อกรณีการทุจริตในกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษที่เกิดขึ้นหนักในช่วงปี 2556 ผู้บริหารสูงสุดขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) อยู่มาตั้งแต่ปี 2555 อนุมัติเงินเดือนมิถุนายน ปี 2556 จำนวน 500 ล้านบาท เดือนธันวาคม ปี 2556 จำนวน 2,100 ล้านบาท และปี 2557 จำนวน 400 ล้านบาท และมีการอนุมัติเพิ่มเติมอีก 800 ล้าน การออกคำสั่งหรือประกาศมาตรา 44 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการคือความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาที่มีอยู่ทั้งหมดในกระทรวง ซึ่งหากดูในทุกคำสั่งและทุกประกาศแล้วจะเห็นว่าหากไม่มีมาตรา 44 ตนคิดว่าโอกาสที่จะแก้ไขปัญหายากมาก
ณัฏฐพลกล่าวว่า หลายคนคงทราบดีว่ากฎระเบียบที่มีอยู่ทำให้การขับเคลื่อนไม่สะดวกมากนัก ที่มีการพูดถึงความอยากให้คณะกรรมการชุดนี้ในกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษดำรงอยู่ และวันนี้ก็มีความพยายามที่จะให้คณะกรรมการกองทุนนี้กลับมา แต่ให้กลับมาไม่ได้ ที่ผ่านมาครูเสียประโยชน์ไปมากแล้วจากการบริหารที่ไม่โปร่งใสก่อนปี 2557 ก่อนที่ คสช. จะเข้ามาบริหารประเทศ มีการจับทุจริตใหญ่ๆ เกิดขึ้นเมื่อ คสช. เข้ามาแล้ว
ณัฏฐพลกล่าวต่อไปว่ากองทุนมีการซื้อหุ้นเกินราคาพาร์กับโครงการที่ไม่ได้ดำเนินการ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ‘โครงการหนองคายน่าอยู่’ การสร้างหอพักที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้เป็นการลงทุน 200 ล้านบาทที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ช่วงที่เกี่ยวข้องมีการไล่ออกจากราชการแล้วกว่า 10 ราย หลายคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาและติดตามยึดทรัพย์ตามคดีแพ่ง
ฉะนั้นข้อมูลจากเอกสารชิ้นนี้ ตนมาดูรายละเอียดที่ต้องใช้เวลา ไม่สามารถตอบได้ทันที เพราะตัวเลขเป็นหลักหมื่นล้านและมีจุดทศนิยม ซึ่งเอกสารมีการกล่าวถึงการใช้หนี้ขององค์การค้าของ สกสค. ผ่านกระบวนการการยืม ถึงแม้เรื่องนี้จะเกิดขึ้นก่อนที่ตนจะมารับหน้าที่ ตนทราบดีว่าองค์การค้ามีปัญหา และวันนี้ตามข้อกฎหมาย ถ้าไม่ให้องค์การค้ายืม บัญชี สกสค. จะโดนอายัดและจะสร้างปัญหาให้กับคุณครูทั่วทั้งประเทศ โดยตนไม่ได้นิ่งนอนใจ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับองค์การค้าได้มีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญโดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการองค์กรเข้าไปดูแล ยกตัวอย่าง หนังสือที่มีคนห่วงว่าจะพิมพ์ล่าช้า หลายชั้นวันนี้เสร็จแล้ว พร้อมกระจายไปทั้งที่โรงเรียนยังปิด ซึ่งเป็นการบริหารจัดการที่นอกเหนือจากการเงิน ยังหวังให้องค์การค้ามีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นองค์กรที่ไม่สร้างปัญหาให้กับ สกสค.
ส่วนกองทุนที่ได้พูดถึงเงินสนับสนุนพิเศษ ตนได้เข้าไปดูในรายละเอียด เริ่มต้นก็ผิดแล้ว ประธานกองทุนคนแรกออกมาจากเลขาธิการ สกสค. แล้วให้ลูกน้องมาเป็นเลขาธิการ สกสค. หลังจากนั้นการทุจริตคอร์รัปชันอย่างยิ่งใหญ่เกิดขึ้น วันนี้มีการยึดทรัพย์และติดตามเรื่องคดีอาญาแล้ว ฉะนั้นเราปล่อยให้การบริหารจัดการแบบนี้เกิดขึ้นในกระทรวงศึกษาธิการไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีได้ออกมาตรา 44 เพื่อมาแก้ไขปัญหาอีกหลายเรื่องในกระทรวงศึกษาธิการ
“ผมขอยืนยันอีกครั้ง ฝากบอกคุณครูล้านกว่าคนทั่วประเทศว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ฮุบเงินครู แต่ท่านรักษาผลประโยชน์ให้ครูผ่านรัฐมนตรีทั้งชุดที่ 1 และชุดปัจจุบัน และหากแนวทางเป็นแบบนี้ ผมก็พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่และทำประโยชน์ให้กับคุณครูต่อไป” ณัฏฐพลกล่าวย้ำ
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ที่นี่
และติดตามทุกความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ที่ www.facebook.com/thestandardth
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์