Thailand Focus 2025 งาน Flagship ประจำปีที่ใหญ่ที่สุดของไทย ปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม Beyond the Challenges ระหว่าง 27 – 29 สิงหาคม 2568 เพื่อฉายภาพให้เห็นถึงโอกาสและความหวังของตลาดทุนและเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางความท้าทายมากมายในยุคปัจจุบัน
บทสรุปจากงานในปีนี้ หัวใจสำคัญที่ทุกคนมองไปทิศทางเดียวกัน หากประเทศไทยต้องการคว้าโอกาสที่มีอยู่ และทำให้ตลาดทุนกลับมาอยู่ในเรดาร์ของนักลงทุนท่ัวโลกอีกครั้ง หัวใจสำคัญคือ ‘การมองเกมระยะยาว’ ไปพร้อมๆ กับแก้ปัญหาระยะสั้น
ดึงเงินลงทุนใหม่ โจทย์หลักตลาดทุนไทย
บนเวทีเสวนา ปฏิรูปตลาดทุน: จุดเปลี่ยนสำคัญสู่ตลาดทุนยุคใหม่ ผู้ดำเนินการเสวนาอย่าง Alex Manoonpol, Executive Director and Head of Thailand Research บริษัทหลักทรัพย์ ยูบีเอส (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า หากเทียบกับภูมิภาคอาเซียน ตลาดหุ้นไทยเคยมีมาร์เก็ตแชร์ของสภาพคล่อง สูงถึง 46% ของสภาพคล่องในภูมิภาค ก่อนที่ตัวเลขดังกล่าวจะหดตัวลงมาเหลือประมาณ 23% ณ เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ในประเด็นเรื่องของสภาพคล่อง อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ย้ำว่า สภาพคล่องคือสิ่งสำคัญของตลาดทุน “ถ้ามองภาพระยะกลางถึงระยะยาว โจทย์สำคัญที่สุดคือ เราจะทำอย่างไรเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ (new capital) เข้ามาในตลาด”
เมื่อมีเม็ดเงินใหม่เข้ามา สภาพคล่องก็จะตามด้วย ในระยะกลางและระยะยาว เราต้องการผลิตภัณฑ์จากบริษัทที่อยู่ในเศรษฐกิจใหม่ พร้อมการสื่อสารหรือนำเสนอข้อมูลใหม่ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นน่าสนใจมากขึ้น รวมทั้งการสนับสนุนสตาร์ทอัปและ SMEs
หนึ่งในแนวทางการเติมสภาพคล่องใหม่เข้ามาในตลาด ชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เชื่อว่า นักลงทุนสถาบันสามารถมีบทบาทสำคัญ เหมือนกับตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก พร้อมกล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาระยะยาวสำหรับตลาดทุนไทย ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ได้แก่
1.การออกกองทุนระยะยาวมากขึ้น โดยเฉพาะการขยายการออมเพื่อเกษียณอายุ อย่างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับ (Mandatory Provident Fund) เนื่องจากแรงงานจำนวน 22 ล้านคน มีเพียง 3 ล้านคนเท่านั้นที่มีการออมภายใต้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคสมัครใจ หากมีกองทุนภาคบังคับดังกล่าว สภาพคล่องก็จะไหลเข้าตลาดทุนอย่างสม่ำเสมอ
2.การผลักดันบัญชีการออมส่วนบุคคล (Individual Savings Account) ที่เป็นบัญชีให้ลงทุนรายย่อยลงทุนได้หลากหลายทั้งในกองทุนรวมและซื้อหุ้นรายตัว คล้ายกับที่รัฐบาลญี่ปุ่นส่งเสริมนักลงทุนรายย่อยให้ลงทุนในระยะยาวโดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการลงทุนด้วย
สำหรับ กบข. หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หนึ่งในนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ของไทยก็พร้อมที่จะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนตลาดทุนไทยมากขึ้น โดย ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการ กบข. บอกว่า ปัจจุบันแบ่งการลงทุนออกเป็นสองแบบใหญ่ๆ คือ 40% ลงทุนในสินทรัพย์เติบโต (Growth Asset) และ 60% ลงทุนในสินทรัพย์มั่นคงตราสารหนี้ (Fixed Asset) โดยจะขยายการลงทุนในสินทรัพย์ Growth Asset ไปสู่ระดับ 50% หรือ 60%
ปัจจุบัน กบข. ส่งเสริมให้สมาชิกซึ่งมีอยู่ 1.2 ล้านราย ลงทุนมากกว่าที่กฎหมายบังคับไว้ขั้นต่ำที่ 3% ของเงินเดือน โดยสามารถออมได้ถึงระดับ 27% ของรายได้ ที่ผ่านมาเห็นการออมเพิ่มขึ้นของสมาชิก ส่วนหนึ่งจากการเกิดขึ้นของกองทุนรวมวายุภักษ์
ด้าน ดร. พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า หนึ่งในการปรับปรุงที่สำคัญคือการลดระยะเวลาการดำเนินการจดทะเบียนหุ้น IPO ให้กระชับมากขึ้น พร้อมกับการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สำนักงาน ก.ล.ต. สามารถใช้กฎหมายจัดการกับผู้กระทำผิดได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น การให้อำนาจและกำกับดูแลสำนักสอบบัญชี จากปัจจุบัน ก.ล.ต. สามารถกำกับดูแลได้เฉพาะผู้สอบบัญชีที่เป็นรายบุคคลเท่านั้น แต่การแก้ไขที่เสนอนี้จะทำให้ ก.ล.ต. สามารถกำหนดให้สำนักสอบบัญชีต้องมาขออนุญาต และอนุญาตให้มีการกำกับดูแลและลงโทษสำนักสอบบัญชีได้โดยตรง
ไทยมีศักยภาพแต่ต้องเร่งเติมทักษะแรงงาน
อีกหนึ่งวงเสวนาที่น่าสนใจคือเวทีศักยภาพการแข่งขันและทิศทางการลงทุนประเทศไทย นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ชี้ให้เห็นว่า ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาค สะท้อนจากอัตราการเติบโตของการลงทุนในปี 2567 ที่เพิ่มขึ้น 35% จากปี 2566 สูงสุดในรอบ 10 ปี โดยมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหลักๆ คือ สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี การจะรักษาความสามารถในการแข่งขันของไทย ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ มองว่าสิ่งสำคัญคือการปรับตัวเพื่อให้ไทยกลายเป็นฮับของแรงงานทักษะสูง
“โจทย์คือจะทำอย่างไรเพื่อดึงดูดทาเลนต์จากนานาชาติเข้ามาอยู่อาศัย ทำงาน ทำธุรกิจให้มากที่สุด”
สอดคล้องกับมุมมอง ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ประธานบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ที่บอกว่า สิ่งที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถแก้ปัญหาช่องว่างทักษะในแรงงานได้ ก็คือการวางนโยบายให้ดึงดูดแรงงานต่างชาติที่จะเข้ามาทำงานในประเทศ ซึ่งนอกจากจะเป็นทางลัดในการแก้ไขปัญหานี้แล้ว ยังเอื้อให้มีการถ่ายทอดความรู้ให้กับแรงงานไทยอีกด้วย ซึ่งจะทำให้แรงงานไทยพัฒนาทักษะและสร้างความได้เปรียบให้กับประเทศในอนาคต นอกจากนี้การลงทุนในภาคธุรกิจ Wellness และการแพทย์ในไทยทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าดึงดูดสำหรับแรงงานต่างชาติเป็นอย่างมาก
หนี้ครัวเรือนไทย ปัญหาที่ต้องแก้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
นอกจากการยกระดับตลาดทุนไทย การแก้ไขปัญหาพื้นฐานเศรษฐกิจอย่างเรื่องหนี้ครัวเรือน ก็เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกประเทศไทย
จากวงเสวนาเรื่อง ‘หนี้ครัวเรือนไทย: ความเปราะบางที่ต้องจับตา’ ดร. รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บอกว่า ในระยะสั้น จุดยืนของนโยบายการเงินควรจะเป็นแบบผ่อนคลาย ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องนโยบายหลักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปยังดอกเบี้ยของธนาคารด้วย ไปจนถึงการลดความเสี่ยงด้านสินเชื่อ
สำหรับการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนระยะยาว คนไทยและบริษัทไทยต้องมีรายได้ที่สูงขึ้น โดยธปท.ยังกำลังทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ และสมาคมธนาคารไทย เป็นต้น เพื่อหาแผนระยะยาวในการยกระดับโครงสร้างที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นสำหรับแต่ละภาคส่วน และควบคู่ไปกับโครงการค้ำประกันสินเชื่อ และอื่นๆ เพื่อช่วยให้บริษัทที่อ่อนแอกว่าในอุตสาหกรรมได้มีโอกาสอยู่รอด
ธปท. เริ่มสังเกตเห็นปรากฏการณ์ กลุ่มคนเริ่มทำงาน (First Jobbers) เริ่มสะสมหนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยกลุ่มคนเริ่มทำงานซึ่งมีอายุ 22-29 ปี ราวครึ่งหนึ่งมีหนี้สินแล้ว และจำนวนนี้ประมาณ 1 ใน 4 เริ่มมีปัญหาหนี้ ขณะที่ผู้เกษียณยังคงมีหนี้สินอยู่ แม้เลิกทำงานไปแล้ว
ด้าน ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการ สมาคมธนาคารไทย มองว่า ไทยต้องเร่งเปลี่ยนผ่านจากการบรรเทาหนี้ไปสู่การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง พร้อมเสนอแนะการเปลี่ยนผ่าน 3 ระยะ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และภาคเอกชน ได้แก่
- การสนับสนุนเบื้องต้น ซึ่งหมายถึงโครงการที่ออกแบบมาเพื่อเป็นมาตรการชั่วคราวและระยะสั้น
- การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่นการแก้ปัญหาช่องว่างในระบบความปลอดภัยทางสังคม (Social Safety Net)
- การเพิ่มรายได้ เพื่อให้ผู้คนได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมและยกระดับความสามารถในการแข่งขัน
แม้หนี้ครัวเรือนจะเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข แต่ในอีกด้านหนึ่ง การเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ ก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่สำคัญ ซึ่ง ดร. ลัษมณ อรรถาพิช ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) มองว่า ขณะนี้ในหลายประเทศทั่วโลกมีการทดสอบระบบการให้คะแนนเครดิต (Credit Scoring) หลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้มากขึ้น ขณะที่ประเทศไทยยังคงใช้ Credit Score เพียงรูปแบบเดียว ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง หากใช้เพียงวิธีเดียวอาจทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถกู้เงินในระบบได้
ท่องเที่ยวและเทคโนโลยีสุขภาพ เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
แม้เศรษฐกิจไทยจะเผชิญกับความท้าทายทั้งจากภายในและภายนอก แต่ เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เชื่อว่าเศรษฐกิจในประเทศมีความเข้มแข็งและสามารถเผชิญกับความท้าทายได้ โดยเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกเติบโตได้ดี 3%
“ความท้าทายคือ การรักษาโมเมนตัมของการเติบโตในช่วงครึ่งแรกให้ยั่งยืน กระทรวงการคลังได้ปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีเป็นเติบโตที่ 2.2% ในปีนี้ และอาจจะโตมากกว่านี้ได้”
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมใหม่ที่จะมีส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้ หนึ่งในนั้นคือท่องเที่ยวและเทคโนโลยีสุขภาพ
บนเวที ยกระดับการท่องเที่ยวไทย: มองไกลกว่าการฟื้นตัว สู่การสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน Damien Pfirsch, Chief Commercial Officer, Agoda Company บอกว่า ไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในที่สองของประเทศที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ตามข้อมูลของ Agoda ซึ่งมีอัตราการเติบโต 17% ต่อปี และส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนั้นมาจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และที่อื่น ๆ ในเอเชีย
นอกจากนี้คนที่เดินทางมาประเทศไทยมียอดค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และเมื่อพูดถึงกรุงเทพฯ นั้น เป็นเมืองที่มีผู้มาเที่ยวซ้ำมากที่สุด ตามข้อมูลของ Agoda 7 ปี ติดต่อกัน
วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บอกว่า หนึ่งในกระแสใหม่ในการท่องเที่ยวของไทย คือ wellness tourism เป็นที่มาของการเปิดเวลเนส คลินิก เพิ่มขึ้นหลายแห่ง แยกออกมาจากธุรกิจสปา
นอกจากการมาท่องเที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ปัจจัยด้านวัฒนธรรมก็ยังดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วย วิลเลียมเสนอแนะว่าการอนุรักษ์ธรรมชาติที่สวยงามให้มีคุณภาพรองรับการท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงดึงดูดใหญ่ให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยว
ด้าน ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มองว่า การเดินทางในเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตสูงที่สุดในโลก ดังนั้นเราก็ออกแบบเที่ยวบินให้เป็นไปตามข้อมูลนี้ โดยเฉพาะในครึ่งแรกของปีนี้ สัดส่วนของ direct flight กับ connect flight มาเป็น 80% ต่อ 20% จากที่ก่อนหน้านี้ direct flight สูงมากกว่า 90% การวิเคราะห์ข้อมูลและนำมาจัดการทางธุรกิจเพื่อให้สามารถและได้รับผลตอบแทนมากขึ้น มีส่วนทำให้เราสามารถทำกำไรได้มากขึ้นด้วย
อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพจะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ของเศรษฐกิจไทย คือ เฮลธ์เทค โดย นพ. ศุภชัย ปาจริยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อร่วมตั้ง สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร (RISE) กล่าวว่าสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในธุรกิจสุขภาพ คือ การลดเวลาในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนายาและนวัตกรรมการรักษา เมื่อก่อนต้องใช้เวลาสูงถึง 5 ปีที่จะพัฒนาและทดลองโมเลกุลต่างๆ แต่ในปัจจุบันสามารถย่นระยะเวลาเหลือเพียงแค่ 1 ปีและสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นตอนการทดลองเชิงคลินิกได้เลย
แต่หนึ่งในปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขในมุมมองของ นพ. ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ กรรมการบริหาร บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS) คือ เราต้องนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์และยารักษาโรค วัคซีนต่างๆ จากต่างประเทศ นั่นทำให้ค่ารักษาพยาบาลมีราคาสูง หากเราต้องการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของคนไทย เราต้องหาวิธีที่จะผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ภายในประเทศไทยเอง เมื่อเราสามารถทำให้ค่ารักษาพยาบาลถูกลงได้ นี่จะเป็นจุดแข็งที่จะทำให้อุตสาหกรรมด้านสุขภาพของไทยเข้าสู่ S-Curve ใหม่
ศ.นพ. สิทธิ์ สาธรสุเมธี รองคณบดีฝ่ายวิจัยเเละนวัตกรรม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า สิ่งที่ประเทศไทยต้องการในขณะนี้คือ National Health Sandbox และการสนับสนุนจากภาครัฐในการลดความยุ่งยากและความซับซ้อนในการขอจดสิทธิบัตรสำหรับนักวิจัยและกลุ่มบริษัท สตาร์ทอัปที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพให้ทันสมัย เทียบได้กับเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
Virtual Bank ปลดล็อกอุตสาหกรรมการเงิน
บนเวทีสุดท้ายในวงเสวนา ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา: โอกาส ความเสี่ยง และความท้าทายในการกำกับ เป็นการฉายภาพธุรกิจ Virtual Bank จากตัวแทนของสองบริษัทที่เข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมใหม่ของไทย ซึ่งจะเข้ามาช่วยปลดล็อกเรื่องการเงินของคนไทย
มาณพ เสงี่ยมบุตร Chief Financial Officer SCB X บอกว่า แอปพลิเคชันของ Virtual Bank จะแตกต่างจาก แอปพลิเคชัน SCB Easy ปัจจุบันโดยเน้นให้บริการที่ตรงกับพฤติกรรมการใช้จ่ายและความจำเป็นของแต่ละคน และมีผู้ใช้แอป SCB Easy มากกว่า 18 ล้านคน แต่ส่วนใหญ่ใช้เพื่อการชำระเงิน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเข้าถึงความต้องการทางการเงินได้
อิทธินันท์ วัฒน์สุขสันติ ผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อ บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด และผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์สินเชื่อ บริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด เชื่อว่า หากมี Virtual Bank เข้ามาจะช่วยให้คนที่เคยกู้นอกระบบกลับเข้ามากู้ในระบบมากขึ้น ซึ่งนี่เป็นปัญหาสำคัญมากที่เราต้องการที่จะแก้ไข
อย่างไรก็ตามเขาเห็นว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาที่หลายฝ่ายจะต้องช่วยกัน โดยปัญหารายได้ต่ำเป็นต้นตอหลักของหนี้ครัวเรือน ซึ่งครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำมักหันไปพึ่งพิงหนี้นอกระบบ การยกระดับรายได้ของพวกเขาเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด
75 นักลงทุนสถาบันจากทั่วโลก ร่วมงาน Thailand Focus 2025
งานนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับพันธมิตรหลัก ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ Bank of America Securities และบริษัทหลักทรัพย์ ยูบีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ปีนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกร่วมงาน 180 ราย จาก 75 สถาบันทั่วโลก และในจำนวนนี้มีผู้ลงทุนจากกลุ่มประเทศหลัก ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง และยุโรป
ทั้งนี้ มีนักลงทุนสถาบันจากกลุ่มประเทศใหม่ๆ ด้วย เช่น ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทจดทะเบียน 75 บริษัท ครอบคลุมหลากหลายขนาด ในทั้ง 8 อุตสาหกรรมในตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมนำเสนอข้อมูลศักยภาพธุรกิจและทิศทางการเติบโตผ่านการประชุมทั้งแบบ Group meetings และ One-on-one meetings