เคาะแล้ว! กระทรวงการคลังตั้งกองทุน Thailand ESG Fund (TESG) ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ต้องถือนาน 8 ปีนับจากวันซื้อ เริ่มลดหย่อนได้ทันทีปีนี้ คาดดึงดูดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทในปีแรก
วันนี้ (14 พฤศจิกายน) ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และกรมสรรพากร ได้มีโอกาสหารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund: TESG) โดยเตรียมส่งเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า (ในวันที่ 21 พฤศจิกายน) เพื่อให้ทันใช้ในปี 2566 นี้
ลวรณยังเปิดเผยว่า กองทุน TESG เป็นกองทุนใหม่ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมในระยะยาว และช่วยสนับสนุนให้บริษัทต่างๆ เปลี่ยนตัวเองเป็น ESG ได้เพิ่มขึ้น
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) คาดว่าจะดึงดูดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทในปีแรก และจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นในปีถัดๆ ไป
TESG ขยายวงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเป็น 600,000 บาท
ปลัดกระทรวงการคลังอธิบายอีกว่า ปัจจุบันกรมสรรพากรให้สิทธิลดหย่อนภาษีจากการส่งเงินจ่ายกองทุนต่างๆ เช่น กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund: SSF), กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund: LTF), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนการออมแห่งชาติ ไม่เกิน 500,000 บาท
โดยล่าสุดนี้สรรพากรจะให้วงเงินเพิ่มอีก 100,000 บาท รวมเป็น 600,000 บาท ผ่านการซื้อกองทุนที่เรียกว่า ‘กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน’ (Thailand ESG Fund: TESG)
สำหรับกติกาการลงทุนในกองทุน TESG นี้ จะต้องเป็นการลงทุนระยะยาว 8 ปีเต็มนับวันจากวันที่ซื้อ ไม่ใช่ 8 ปีปฏิทิน
‘ระยะเวลากระชั้นชิด’ นับเป็นความท้าทายใหญ่
ขณะที่ ชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) และกรรมการผู้จัดการ บลจ.จัดการกองทุน กรุงไทย (KTAM) อธิบายว่า กองทุน TESG นี้ไม่ใช่กองทุนที่รัฐตั้งขึ้นมาแล้วขายหน่วยลงทุนเอง แต่เป็นกองทุนที่แต่ละ บลจ. จะเป็นผู้ออก โดยออกจะเท่าไรก็ได้ แบบใดก็ได้ จะเป็น Active Fund หรือ Passive Fund ก็ได้ แต่ต้องมีนามสกุลเป็น TESG ตามกฎเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. เตรียมจะออก
สำหรับขั้นตอนต่อไป สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะต้องทำหลักเกณฑ์การติดนามสกุล TESG ให้เสร็จสิ้นภายใน 2-3 วันนี้ เพื่อเสนอเข้า ครม. ในสัปดาห์หน้า (วันที่ 21 พฤศจิกายน)
จากนั้น ก.ล.ต. ก็ต้องอนุมัติกองทุนต่างๆ ที่ บลจ. ตั้งขึ้นมาให้เสร็จภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อให้นักลงทุนมีเวลาซื้อภายในเดือนสุดท้าย (ธันวาคม) ก่อนวันสิ้นปี เพื่อที่จะนำมายื่นแบบลดหย่อนภาษีในรอบเดือนมีนาคม 2567
อย่างไรก็ตาม ในฐานะ บลจ. ก็มองว่า การตั้งกองทุน TESG ให้ทันภายในระยะเวลาที่สั้นขนาดนี้ ก.ล.ต. ต้องเข้ามาช่วยอย่างมาก และ ก.ล.ต. ก็รับปากว่าจะช่วยแล้ว
กองทุน TESG จะช่วยฟื้นหุ้นไทยได้หรือไม่
ชวินดามองว่า กองทุน TESG จะช่วยสนับสนุน Sentiment ตลาดได้ไม่มากก็น้อย อีกทั้งยังช่วยผลักดันบริษัทในประเทศไปสู่ ESG มากขึ้น
“บริษัทจดทะเบียนกว่า 800 บริษัทในตอนนี้ มากกว่า 25% ระบุว่าบริษัทตนเป็น ESG แต่ ณ วันนี้ บริษัทที่ยื่นเอกสารหรือกรอกข้อมูล ESG จริงๆ ไม่นับซ้ำมีเพียง 210 แห่งเท่านั้นตาม SET ESG ดังนั้น หมายความว่ากองทุนนี้จะกระตุ้นบริษัทที่เหลือให้เข้าสู่ ESG ได้อีกเยอะ”
ชวินดาคาดว่า กองทุนนี้จะมีผลบวกต่อตลาดหุ้นบ้าง เนื่องจากกองทุนนี้ไม่ได้มีระยะเวลาเพียง 1 ปี แต่ดำเนินต่อไปถึง 10 ปี แต่จะมีผลกระทบแค่ไหนยังไม่แน่ใจ เนื่องจากในปีนี้มีระยะเวลาเหลือแค่เดือนเดียวเท่านั้น
“กองทุนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยสนับสนุนการเติบโตของ ESG เป็นหลัก ไม่ใช่นำมาสนับสนุนตลาดทุนเป็นปัจจัยหลัก แต่เผอิญตอนนี้ตลาดหุ้นร่วง มาตรการครั้งนี้จึงกลายเป็นว่ามาในจังหวะที่พอดีกันด้วย”
ชวินดากล่าวอีกว่า กองทุน TESG น่าจะเพิ่มผู้ต้องการออมเงินให้เข้าสู่อุตสาหกรรมมากขึ้น เหมือนกับที่ LTF ทำได้ก่อนหน้านี้ ดังนั้น เม็ดเงินจะมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับความสนใจของนักลงทุนว่าสุดท้ายมีความสนใจแค่ไหน