วันนี้ (18 กันยายน) พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังจบการประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ (คนน.) ครั้งที่ 1/2568 โดยระบุว่า สัดส่วนหนี้สาธารณะไทย ณ สิ้นปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ราว 65% ต่อ GDP ก่อนจะปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ที่ 66% ต่อ GDP ณ สิ้นปี 2568 ภายใต้สมมติฐานว่า Real GDP (ที่ปรับกับเงินเฟ้อแล้ว) จะขยายตัวที่ราว 3%
ท่ามกลางคาดการณ์ที่ว่า หนี้สาธารณะของไทยกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปใกล้กับเพดานที่ระดับ 70% ต่อ GDP เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม พิชัยยังคงยืนยันว่า ตามแผนการคลังระยะปานกลาง สัดส่วนหนี้สาธารณะของไทยจะเริ่มลงในปี 2570
ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ปัจจุบันหนี้สาธารณะไทย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2567 อยู่ที่ 63.74% ต่อ GDP
นอกจากนี้ พิชัยยังระบุว่า ความเสี่ยงด้านการบริหารหนี้ของไทยต่ำ หรือมีไม่กี่อย่าง ตัวอย่างเช่น ด้านอัตราแลกเปลี่ยนก็ไม่น่ากังวลเนื่องจากกู้ยืมต่างประเทศน้อย ส่วนความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยวันนี้ก็มีการคุยกันว่าจะปรับให้เป็นดอกเบี้ยคงที่ (Fixed) และลอยตัว (Floating) มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากปัจจัยโลกอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาลง เพราะฉะนั้น อัตราดอกเบี้ยไทยก็มีแนวโน้มอาจจะลดลงท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ไม่ได้สูง
มองอันดับเครดิตเรตติ้งไทย ไม่ต่างจากประเทศ A- เท่าไร
พิชัยเปิดเผยอีกว่า “ณ ปัจจุบัน ภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ของไทยอยู่ที่ราว 9% นับว่าต่ำเมื่อเทียบกับกรอบที่ราว 12% สำหรับประเทศที่ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB+ อย่างประเทศไทย ทำให้มองว่าหากปัจจัยต่างๆ ดีขึ้น ประเทศไทยควรจะได้รับการปรับขึ้นอันดับเป็น A- หรือไม่”
อย่างไรก็ดี พิชัยบอกอีกว่า “ต้องให้เวลาหน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agency) ต่างๆ ค่อยๆ พิจารณาก่อน โดยถ้าผมเป็นเขา ผมก็อยากรู้ว่าก้าวต่อไปประเทศไทยจะเป็นอย่างไร โดยผมก็มานั่งดูนะ ถ้าทุกอย่างมันนิ่งแล้วมันดีขึ้น ผมก็เทียบกับประเทศที่ได้ A- ผมก็ไม่เห็นว่าไทยเราจะต่างกันสักเท่าไร”
จ่อออก ‘บอนด์สกุลต่างประเทศ’ เร็วสุดต้นปีหน้า
สำหรับความคืบหน้าในการออกพันธบัตรสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Bond: FCY) พิชัยคาดว่า เร็วที่สุดที่จะออกได้คือช่วงไตรมาสแรกของปี 2568
“โดยเบื้องต้นได้มีการคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ และยังไม่มีมติในเรื่องนี้ ซึ่งต่างชาติได้มีการเรียกร้องเรื่องนี้มานาน หากมีจังหวะเวลาที่เหมาะสม แนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น และมองว่าถ้าเร็วที่สุดก็ประมาณไตรมาสแรกของปี 2568” พิชัยกล่าว
