วันนี้ (11 พฤศจิกายน) เวลา 17.00 น. อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางถึงฐานปฏิบัติการอินทุมาน หรือภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกองกำลังแนวหน้า พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ ทหารเหยียบทุ่นระเบิดจนได้รับบาดเจ็บ 3 นาย และทหารที่ต้องเสียขาจากการเหยียบทุ่นระเบิด 1 นาย ซึ่งทหารในพื้นที่ได้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจำนวน 3 ทุ่น และถูกนายทหารเหยียบอีก 1 ทุ่น
ทันทีที่ นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงฐานปฏิบัติการ ได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ และการปฏิบัติภารกิจในการรักษาอธิปไตย รวมไปถึงสถานการณ์การเกิดเหตุเหยียบทุ่นระเบิดที่ผ่านมา จำนวน 7 ครั้ง จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ตรวจสอบทุ่นระเบิดได้เก็บกู้แล้ว ทั้งแบบเก่าและแบบใหม่
พร้อมรับรายงานว่าเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกฝังอยู่ตามแนวลาดตระเวนของทหารฝ่ายไทย ซึ่งจากการพิสูจน์ทราบจุดเกิดเหตุ ร่องรอยดินบริเวณรอบข้าง เพิ่งถูกรบกวนใหม่ๆ รวมถึงมีรากไม้ก็เพิ่งถูกตัด จึงคาดว่าเป็นทุ่นระเบิดที่เพิ่งนำมาฝัง ซึ่งบริเวณจุดเกิดเหตุทหารไทยได้นำรั้วลวดหนามไปวางไว้ แต่ทางทหารกัมพูชาได้นำออก ซึ่งคาดว่ากัมพูชาได้นำทุ่นระเบิดมาฝังไว้ ไม่เกิน 1 วันก่อนเกิดเหตุ
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้กำลังใจกำลังพลทหารว่า ขอแสดงความเป็นห่วงและขอแสดงความชื่นชมที่น้องๆ ทำหน้าที่รักษาบ้านเมือง รักษาประชาชนต้องถือว่าเป็นวีรกรรมที่กล้าหาญมาก และพวกเราจะไม่ทิ้งกันเราจะไม่มีวันที่จะยอมเสียเปรียบ หรือยอมเสียดินแดน และไม่ยอมให้พวกน้องเป็นอะไร พวกเราจะดูแลพวกน้องอย่างเต็มที่ และให้กำลังใจกันอย่างเต็มที่ ขอให้พวกเรายึดมั่นและตั้งมั่นอยู่ในความระมัดระวังตัวของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เราจะเร่งแก้ปัญหาทั้งหมดให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้วันนี้ชัดเจนแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามได้ละเมิดสิ่งที่เราตกลงกันไว้ ชัดเจนแล้วเราจะทำในสิ่งที่เราเห็นว่าสมควรจะทำไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขใดๆอีกต่อไป เราต้องมีการเตรียมพร้อมและรับฟังคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ต้องโชคดีและปลอดภัย เพราะเราทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติของเรา ตนจะมาหาบ่อยๆ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้ มอบถุงยังชีพให้กับทหารแนวหน้า ก่อนจะเดินขึ้นเนินภูมะเขือ เพื่อตรวจสอบเส้นทางธรรมชาติ และร่วมยืนตรงเคารพธงชาติที่เสาธงร่วมกับนายทหาร
นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกที่มายืนบนฐานปฏิบัติการอินทุมาน (ภูมะเขือ) ว่า ประเทศไทยเป็นของเรา ที่ที่เรายืนอยู่คือประเทศไทยใครจะมาแอบอ้างอธิปไตยเหนือดินแดนของไทยไม่ได้ แต่ว่าวันนี้การที่จะพูดเรื่องนี้ วันนี้เราถือว่าสิ่งที่เราได้มีข้อตกลงกันไว้ เพื่อจะเดินไปสู่การมีสันติภาพ มันจบลงแล้ว
จากนี้ไปรัฐบาลไทยก็จะดำเนินการในสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นประโยชน์สำหรับประเทศไทยเป็นสิ่งที่ประเทศไทยจะทำโดยที่ไม่ต้องไปหารือ ไปปรึกษาหรือขออนุญาตใคร เราได้มีการหารือพูดคุยกับทางกองทัพเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ข้อสรุปมาค่อนข้างชัดเจนในการปฏิบัติ ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมรับทราบอยู่แล้วว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง
แต่ต้องขอความกรุณาผู้สื่อข่าว ว่าเราอยากจะบอกว่าเราไม่ตอบ แต่ขอความกรุณาว่าไม่ต้องถาม เพราะเราจะทำอะไรในเรื่องของความมั่นคงแห่งชาติเราบอกไม่ได้ และถ้าถามมาแล้ว พอเราไม่ตอบก็กลายเป็นว่าเราย่อหย่อน หย่อนยาน แต่ความจริงเราไม่เคยหย่อนยาน เราไม่เคยคิดที่จะยอมหรือเสียเปรียบใดๆ กับฝ่ายตรงข้าม ตรงกันข้าม เราวางตัวเป็นผู้กำหนดบทบาทอยู่เสมอ
ดังนั้นวันนี้ก็เช่นกันยิ่งทำให้ตนในฐานะรัฐบาลที่เป็นคนลงนามใน ปฏิญญาก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ณ ขณะนี้ 4 ข้อในปฏิญญาประเทศไทยไม่ปฏิบัติแล้ว และจะกำหนดการดำเนินการของตัวเอง โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนข้อกำหนดต่างๆและการดำเนินการของกองทัพอย่างเต็มที่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามาเลเซียจะขอรื้อฟื้นเรื่องของการลงนามปฏิญาตรงนี้ทางเราจะทบทวนหรือไม่ นายกรัฐมนตรีย้อนถามว่า รื้อฟื้นเรื่องอะไร
ผู้สื่อข่าวถามจึงถามต่อว่าเรื่องการทำปฏิญญาเพื่อนำไปสู่สันติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ชัดเจนแล้วว่า ผู้ร่วมสัญญาไม่ได้ปฏิบัติตามปฏิญญา ยิ่งวันนี้ที่มาตรงนี้เพื่อมาให้มาเห็นกับตา เมื่อผู้นำไม่ว่าจะเป็นผู้นำประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสักขีพยานที่ลงนามอยู่ในปฏิญญาในวันนั้น ถ้าท่านทั้ง 2 จะถามมาตนก็จะสามารถตอบได้ว่าตนมาอยู่ในพื้นที่ ตนได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่าคู่สัญญาของประเทศไทยก็คือประเทศกัมพูชาได้มีการละเมิดสิ่งที่ตัวเองจะต้องทำอย่างไรบ้าง บนความชัดเจนทุ่นระเบิด 4 ทุนที่วันนี้เหลือ 3 ทุ่น
เพราะว่าทหารของเราเหยียบไป 1 ทุ่น เป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่วางในเขตของเรา หลังจากวันที่เราได้ลงนามในข้อตกลง ทั้งนี้ ประเทศไทยทำทุกอย่างตามข้อตกลงและการพยายามที่จะดึงให้มีความล่าช้าเกิดจากฝ่ายกัมพูชา ประเทศไทยก็ยังใช้ความอดทน เรายังเชื่อมั่นว่าในการที่เรามีโลกทั้งใบเป็นพยาน มีประชาคมอาเซียนเป็นพยาน อย่างไรเสียอาจจะช้าในวันหรือสองวันข้อตกลงจะได้รับการปฏิบัติ แต่วันนี้มันพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ ในเมื่อไม่ใช่ ก็ไม่มีข้อตกลง และเราก็จะทำในสิ่งที่เราเห็นว่าเราต้องทำ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่าเราต้องรีพอร์ต (รายงาน) ไปที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาหรือไม่ นายกรัฐมนตรีย้อนถามว่า รีพอร์ตใคร เราเป็นประเทศอธิปไตยไม่รีพอร์ทใครทั้งนั้น ถ้าเขาถามมา ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องตอบ ตนจะตอบอย่างเช่นเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆทำหน้าที่ ก็ถามตน ถ้าไม่มีมีความจำเป็นจะต้องตอบ ตนก็ไม่ตอบ
ดังนั้นวันนี้เราก็จะดำเนินการตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แม่ทัพภาคที่ 2 และคนที่อยู่หน้างาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี วันนี้ถ้าตนบอกแล้วว่ารักษาอธิปไตย รักษาเกียรติยศ เกียรติภูมิรักษาจิตใจของทหาร และพี่น้องประชาชน ตนมาวันนี้ก็ขอให้ภาพมันเป็นการอธิบายตัวมันเอง ของหลายอย่างไม่ต้องพูดแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า วันนี้ได้บอกเจ้าหน้าที่และกำชับให้กำลังใจอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เต็มที่ ตนกับพี่น้องทหารไม่ต้องใช้คำพูด ใช้สายตา ใช้แรงบีบกำมือซึ่งกันและกัน เราจะเข้าใจกันดี ตนมั่นใจว่า ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีแรงบีบขนาดนี้คือต้องการให้มันเป็นยังไง












