วันนี้ (20 กุมภาพันธ์) พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยผลสำเร็จการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ภูฏาน ครั้งที่ 4 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเมื่อวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ ที่กรุงเทพฯ ว่า ไทยและภูฏานสรุปผลการเจรจาได้รวดเร็วในเวลาเพียง 9 เดือน โดย FTA ไทย-ภูฏาน จะเป็น FTA ฉบับที่ 17 ของไทย และฉบับที่ 2 ของตนนับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับการเร่งดำเนินการเจรจาจัดทำ FTA กับประเทศคู่ค้าต่างๆ เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการส่งออกสินค้าของไทย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเตรียมจะลงนาม FTA ไทย-ภูฏาน ในช่วงการประชุมผู้นำบิมสเทค (BIMSTEC) ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 2-4 เมษายน 2568
สำหรับความตกลง FTA ไทย-ภูฏาน ครอบคลุมประเด็นการค้าสินค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งไทยและภูฏานตกลงให้มีการเปิดตลาดระหว่างกันในระดับสูง ครอบคลุมมูลค่าระหว่างกันเกือบทั้งหมด โดยสินค้าที่ภูฏานสนใจจะนำเข้าจากไทย เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน สินค้าเกษตรและอาหาร (ผลไม้อบแห้ง น้ำผลไม้ เส้นหมี่กึ่งสำเร็จรูป และอาหารปรุงแต่ง) สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก และเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ FTA ไทย-ภูฏาน ยังเป็นกลไกช่วยส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจและมีศักยภาพร่วมกัน เช่น การท่องเที่ยว เกษตร การศึกษาและฝึกอบรมด้านเทคนิคและอาชีวศึกษา และพลังงานหมุนเวียน
“FTA ไทย-ภูฏาน ถือเป็นอีกหนึ่งผลสำเร็จของรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งให้ความสำคัญกับการเจรจาจัดทำ FTA กับประเทศคู่ค้าต่างๆ ของไทยให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่หรือเล็ก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้สินค้าไทย และเป็น FTA ฉบับที่ 2 ที่ไทยปิดดีลได้สำเร็จ ภายหลังที่ตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต่อจาก FTA กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป หรือ EFTA ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ และไทยยังอยู่ระหว่างเจรจา FTA กับ UAE สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ และ EU โดย FTA ไทย – EU มุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงภายในสิ้นปีนี้ ตามแนวทางการเจรจาที่ท่านนายกฯ ให้ไว้” พิชัยกล่าว
พิชัยกล่าวว่า ไทยและภูฏานมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในทุกระดับ ทั้งนี้ ภูฏานสามารถเป็นตลาดส่งออกสินค้าให้กับไทยได้ในระยะยาว แม้ว่าจะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่เศรษฐกิจของภูฏานยังเติบโตได้อีกมาก ประกอบกับชาวภูฏานชื่นชอบและเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าไทย และต้องการนำเข้าสินค้าจากไทย โดยมองว่า FTA ไทย-ภูฏาน จะช่วยให้ชาวภูฏานเข้าถึงสินค้าของไทยได้สะดวกยิ่งขึ้น
พิชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ต่อจากนี้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะจัดประชุมรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนในเดือนมีนาคม ก่อนจะนำเสนอผลการเจรจาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ เพื่อเตรียมพร้อมการลงนาม FTA ดังกล่าวในช่วงการประชุมผู้นำบิมสเทคในเดือนเมษายน
ในปี 2567 การค้าระหว่างไทยและภูฏานมีมูลค่า 460.47 ล้านบาท โดยไทยส่งออกไปภูฏาน 457 ล้านบาท และนำเข้าจากภูฏาน 3.47 ล้านบาท สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น ยานพาหนะและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน เครื่องดื่ม และผลไม้กระป๋องและผลไม้แปรรูป และสินค้านำเข้าสำคัญของไทย เช่น ผัก ผลไม้ และของปรุงแต่งที่ทำจากผักและผลไม้ เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ไม้ซุง ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ และเครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลม และสุรา