วันนี้ (26 มิถุนายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ ดาโช เชริง โตบเกย์ นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรภูฏาน และภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล
จากนั้นได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศด้านในตึกไทยคู่ฟ้า เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ก่อนที่จะหารือเต็มคณะ และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงและแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจจำนวน 2 ฉบับ ดังนี้
- บันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือทางวิชาการ การวิจัย และการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กับมหาวิทยาลัยแพทย์เคเซอร์เกียลโปของภูฏาน
- บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทย-ภูฏาน
ไทย-ภูฏานตั้งเป้าเพิ่มการค้า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีไทยและภูฏานแถลงข่าวร่วมกัน โดย เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการแถลงข่าว ดังนี้
นายกรัฐมนตรีรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีภูฏานในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งตรงกับโอกาสครบรอบ 35 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันที่มีความใกล้ชิดมาตั้งแต่ปี 2532 ซึ่งการเยือนฯ ครั้งนี้เน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะกระชับความร่วมมือในสาขาที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและภูฏานให้ใกล้ชิดมากที่สุด
ด้านการค้า ไทยและภูฏานเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคีให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นผ่านการเจรจา FTA ให้เสร็จสิ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงตลาดระหว่างกัน พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าให้บรรลุเป้าหมาย 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐเร็วที่สุด
ขณะที่โอกาสการลงทุนในโครงการ Gelephu Mindfulness City (GMC) ซึ่งไทยมีความสนใจเข้าไปลงทุน โดยเชื่อมั่นว่าจะเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งใหม่ของภูฏาน และโครงการดังกล่าวยังสอดคล้องกับค่านิยมร่วมของไทยและภูฏาน ที่ให้ความสำคัญกับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความยั่งยืน
ไทยและภูฏานยังแสดงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันและใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าและประชาชน นอกจากนี้ประเทศไทยในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของภูฏาน จะสนับสนุนแบ่งปันความรู้ในด้านต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพ เกษตรกรรม และเทคโนโลยี พร้อมทั้งยินดีเรียนรู้จากแนวทางของภูฏานในเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนและความสุขมวลรวมประชาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของไทย
ส่วนการท่องเที่ยว ไทยและภูฏานพร้อมส่งเสริมโครงการ ‘2 ราชอาณาจักร 1 จุดหมายปลายทาง’ (Two Kingdom’s One Destination) ซึ่งจะส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในทั้งสองประเทศ และเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายเล็งเห็นถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกลุ่ม Friends of Thailand-Bhutan เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการผลักดันในด้านอื่นๆ เช่น ด้านการศึกษาและวิชาการ ด้านพลังงานทดแทน รวมทั้งด้านการค้าและความเชื่อมโยง พร้อมเชิญนายกรัฐมนตรีภูฏานเข้าร่วมการประชุมผู้นำ BIMSTEC ในเดือนกันยายนปีนี้ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพด้วย และในนามของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยในการกระชับความร่วมมือกับภูฏานในทุกมิติ
เชิญนายกฯ ไทย เยือนภูฏาน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีภูฏานกล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีที่ได้มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี พร้อมนำความปรารถนาดีจากราชวงศ์และประชาชนชาวภูฏานที่มีต่อนายกรัฐมนตรี รัฐบาล และประชาชนชาวไทย
การเดินทางมาในครั้งนี้ทำให้เห็นว่า ประเทศไทยและความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ภูฏานพัฒนาไปอย่างมาก พร้อมขอบคุณรัฐบาลและประชาชนชาวไทยสำหรับความสัมพันธ์และความร่วมมือในการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจของภูฏาน โดยภูฏานนำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 4 ถือว่าไทยเป็นคู่ค้าอันดับต้นๆ พร้อมตอบรับการเข้าร่วมการประชุม BIMSTEC ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพและกล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีของไทยเยือนภูฏานในโอกาสแรกที่สะดวก