วันนี้ (15 พฤศจิกายน) สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT ได้ออกประกาศฉบับที่ 10 เรื่อง ห้ามบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (Drone) ในพื้นที่ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ถึง 30 พฤศจิกายน 2568 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
CAAT ระบุว่า ขณะนี้สถานการณ์ภาพรวมยังอยู่ในระดับที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หน่วยงานด้านความมั่นคงจึงได้ประสานงานให้คงมาตรการกำหนดพื้นที่ห้ามบินโดรนโดยเด็ดขาดในระดับอำเภอของ 7 จังหวัด เพื่อรองรับการปฏิบัติการด้านความมั่นคงที่ยังคงดำเนินอยู่
พื้นที่ห้ามบินโดยเด็ดขาดครอบคลุม 7 จังหวัดชายแดน ได้แก่:
- จังหวัดสระแก้ว: อำเภอคลองหาด, อำเภออรัญประเทศ, อำเภอโคกสูง และอำเภอตาพระยา
- จังหวัดบุรีรัมย์: อำเภอละหานทราย และอำเภอบ้านกรวด
- จังหวัดศรีสะเกษ: อำเภอภูสิงห์, อำเภอขุนหาญ และอำเภอกันทรลักษ์
- จังหวัดสุรินทร์: อำเภอพนมดงรักษ์, อำเภอกาบเชิง, อำเภอสังขะ และอำเภอบัวเชด
- จังหวัดอุบลราชธานี: อำเภอเขมราฐ, อำเภอนาดาล, อำเภอโพธิ์ไทร, อำเภอศรีเมืองใหม่, อำเภอโขงเจียม, อำเภอสิรินธร, อำเภอบุณฑริก, อำเภอนาจะหลวย และอำเภอน้ำยืน
- จังหวัดตราด: อำเภอเมืองตราด, อำเภอบ่อไร่ และอำเภอคลองใหญ่
- จังหวัดจันทบุรี: อำเภอเมืองจันทบุรี, อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว
นอกจากนี้ ยังรวมถึงพื้นที่รัศมี 9 กิโลเมตร (5 ไมล์ทะเล) รอบสนามบินที่กำหนด และพื้นที่ที่หน่วยงานด้านความมั่นคงประกาศเพิ่มเติมเป็นการเฉพาะ
CAAT ให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตประชาชนและภาคธุรกิจ จึงผ่อนคลายข้อจำกัดให้สามารถใช้งานโดรนได้ในเกือบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด ดังนี้:
1. การขึ้นทะเบียน: ผู้ใช้งานต้องขึ้นทะเบียนผู้บังคับโดรนและโดรนกับ CAAT ให้ถูกต้องครบถ้วน
2. การขออนุญาต: ยื่นคำขออนุญาตปฏิบัติการบินล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ผ่านระบบแอปพลิเคชัน UAS Portal หรือ uasportal.caat.or.th
3. ความสูงและเวลาบิน: ปฏิบัติการบินที่ความสูงไม่เกิน 90 เมตร (300 ฟุต) เหนือพื้นดิน และสามารถบินได้ในเวลา 06.00–18.00 น. หากต้องการบินนอกช่วงเวลาต้องขออนุญาตจาก CAAT แต่ห้ามบินในช่วงเวลา 00.01–04.00 น. ทุกกรณี
4. การแจ้งก่อนปฏิบัติการ: เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก่อนการปฏิบัติการบินทุกครั้ง ต้องแจ้งข้อมูลพื้นที่ วัน-เวลา และวัตถุประสงค์ต่อ CAAT ผ่านแอปพลิเคชัน UAS Portal และแจ้งต่อ ศบตอ.น. ทางอีเมล ([email protected])
5. กรณีปฏิบัติการแตกต่างจากเงื่อนไข: ต้องยื่นคำขออนุญาตและเอกสารเพิ่มเติมต่อ CAAT ผ่าน UAS Portal
CAAT ระบุว่าการออกประกาศฉบับที่ 10 เป็นผลจากการประเมินสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ CAAT จะติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด และพร้อมทบทวนมาตรการให้สอดคล้องกับสภาพความมั่นคงในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้การใช้งานโดรนของประเทศเป็นไปอย่างสมดุลและปลอดภัย


