×

ประเทศไทยจะพร้อมได้อย่างไรในยุค AI: พูดคุยกับ อว. ถึงภารกิจผลักดันจริยธรรม AI และบทบาทเจ้าภาพเวทีระดับโลก The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
16.06.2025
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • จริยธรรม AI สำคัญต่อการอยู่รอดในยุคเทคโนโลยีล้ำหน้า ซึ่ง AI แตกต่างจากไฟฟ้าหรือน้ำ เพราะเรียนรู้ได้เอง การขาดจริยธรรมควบคุมอาจส่งผลเสียต่อสังคม อว. จึงเชื่อว่าต้องสร้างกรอบคิดใหม่เพื่อพัฒนานวัตกรรมโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
  • อว. ไม่เพียงผลักดันเทคโนโลยี แต่ต้องออกแบบอนาคตมนุษย์ที่ AI เป็นพื้นฐานใหม่ โดยบูรณาการ AI+จริยธรรมในหลักสูตรมหาวิทยาลัย, สร้าง Super AI Engineer และการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้คนไทยใช้ AI ได้อย่างเข้าใจและรับผิดชอบ
  • เวทีโลก The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ได้อยู่นอกกระแสโลกอีกต่อไป และจะทำให้ไทยร่วมสร้างมาตรฐาน AI ใหม่ของโลกที่เทคโนโลยีต้องเคารพคุณค่าความเป็นมนุษย์
  • ไทยต้องพร้อมทั้งทักษะและจิตสำนึกในการใช้ AI อย่างเป็นธรรม อว. เน้นสร้างคนทุกมิติ ให้ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลและเข้าใจจริยธรรมได้ ไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลังในโลกเทคโนโลยี
  • วิสัยทัศน์ใหม่คือ ‘AI for All’ เพื่อให้สังคมเท่าทันและไว้วางใจเทคโนโลยีได้ AI เป็นเรื่องของทุกคน การสร้างสังคมที่เข้าใจเทคโนโลยีและใช้ด้วยคุณธรรมคือทางรอดของประเทศ

ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน และวิธีดำเนินชีวิตของมนุษย์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น คำถามสำคัญคือ เราจะใช้มันอย่างไรให้ปลอดภัย เป็นธรรม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง?

 

นี่คือภารกิจที่สำคัญยิ่งของประเทศไทย และของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งกำลังผลักดันแนวทาง “AI อย่างมีจริยธรรม” พร้อมวางรากฐานทุนมนุษย์เพื่ออนาคตอย่างเป็นระบบ

 

THE STANDARD ได้สัมภาษณ์ ศ.ดร. ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อถอดรหัสภารกิจครั้งนี้ ผ่านบทสนทนาเข้มข้นถึงบทบาทของไทยในเวทีโลก การเตรียมคนให้เท่าทัน AI และความหมายที่แท้จริงของการเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกอย่าง The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 ที่จะจัดขึ้นในกรุงเทพฯ วันที่ 24–27 มิถุนายน 2568

 

ศ.ดร. ศุภชัย ปทุมนากุล

ศ.ดร. ศุภชัย ปทุมนากุล

ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

 

ทำไม AI ต้องมาพร้อมจริยธรรม?

 

“AI ไม่เหมือนไฟฟ้าหรือน้ำ สามารถเรียนรู้ได้เอง และถ้าเราไม่มีกรอบจริยธรรมมาควบคุม มันจะกลายเป็นอาวุธที่ย้อนทำร้ายเราได้” AI ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยี แต่คือกลไกที่ทรงพลังในการตัดสินใจแทนมนุษย์ และนั่นทำให้ความรับผิดชอบในการใช้งานกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เคยเป็นมา

 

“AI เติบโตเร็วมากจริง ๆ ครับ ทุกวันมันพัฒนาแบบก้าวกระโดด มันสามารถทดแทนการทำงานของมนุษย์ได้ และช่วยในการตัดสินใจได้มากขึ้นเรื่อย ๆ” ศ.ดร. ศุภชัย กล่าวเริ่มต้นบทสนทนา

 

“AI ไม่เหมือนไฟฟ้าหรือน้ำ มันเรียนรู้ได้เอง และถ้าเราไม่มีกรอบจริยธรรมมาควบคุม มันจะกลายเป็นอาวุธที่ย้อนทำร้ายเราได้”

 

แต่ในความเร็วที่เกิดขึ้น กลับไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่าทุกการตัดสินใจที่เกิดจาก AI จะถูกต้อง ยุติธรรม หรือเห็นหัวใจมนุษย์ในกระบวนการนั้น “ถ้าเราไม่มีแนวปฏิบัติมากำกับ ไม่มีกรอบจริยธรรมมาคุมการใช้ AI สุดท้ายมันก็อาจจะสร้างความเสียหายให้กับเราได้” ศ.ดร. ศุภชัย กล่าว

 

ทุกวันนี้ AI เริ่มถูกใช้ในกระบวนการตัดสินใจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับสมัครงาน การให้คะแนนเครดิต การคัดกรองข้อมูลด้านสุขภาพ หากระบบเหล่านี้ขาดกรอบคิดด้านคุณธรรม จริยธรรม หรือความเข้าใจมนุษย์อย่างลึกซึ้ง ผลลัพธ์ก็อาจจะกลายเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่รู้ตัว

 

แนวทางที่ปลัด อว. เน้นย้ำคือ การพัฒนาควบคู่ อย่ากลัวจนหยุดพัฒนา แต่ก็อย่าพัฒนาจนเกินขอบเขต “การพัฒนา AI กับการกำกับควบคุมต้องเดินคู่กัน สิ่งที่สำคัญกว่ากฎหมาย คือการสร้าง AI literacy ให้กับทุกคนในสังคม ต้องฝังสิ่งเหล่านี้ลงไป เราต้องตระหนักว่า การใช้ AI โดยไม่รู้เท่าทัน อาจก่อนให้เกิดผลกระทบในอนาคตได้เช่นกัน เราจำเป็นต้องสร้างความตระหนัก รวมถึง AI literacy ให้กับนักศึกษาและอาจารย์ ไม่ใช่เพียงแค่กำหนดบทลงโทษ”

 

“การใช้ AI โดยไม่รู้เท่าทัน อาจกลายเป็นบาปในอนาคตได้เช่นกัน เราจำเป็นต้องสร้างจิตสำนึก รวมถึง AI literacy ให้กับนักศึกษาและอาจารย์”

 

การมีจริยธรรม AI จึงไม่ใช่แค่เรื่องของนักพัฒนา แต่เป็นเรื่องของทุกคนในสังคม ไม่เว้นแม้แต่นักศึกษา ที่ในวันนี้บางคนเริ่มใช้ AI ช่วยทำวิทยานิพนธ์ งานวิจัย หรืองานรายงานโดยไม่ตรวจสอบความถูกต้องและไม่เข้าใจขอบเขตของการใช้งาน

 

นโยบายและพันธกิจของ อว. ด้าน AI อย่างมีจริยธรรม

 

การสร้างระบบนิเวศ AI ที่ปลอดภัยและมีคุณธรรมนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากแค่การรณรงค์ แต่ต้องมาจากการวางนโยบายเชิงระบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวง อว. ได้ขับเคลื่อนผ่านนโยบาย “อว. for AI” และการบูรณาการแผนปฏิบัติการระดับชาติ

 

“เราต้องมอง AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือเทคโนโลยี แต่ต้องมองว่า มันคือโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของโลกอนาคต” ศ.ดร. ศุภชัย กล่าว

 

นับตั้งแต่ปี 2565 ประเทศไทยได้ประกาศใช้แผนปฏิบัติการด้าน AI แห่งชาติ ซึ่ง อว. ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีบทบาทสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์ โดยข้อแรกของยุทธศาสตร์คือ การพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรมและธรรมาภิบาล

 

หนึ่งในภารกิจสำคัญคือการผลักดันให้มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ บรรจุเนื้อหาด้าน AI และจริยธรรมดิจิทัลในทุกหลักสูตร โดย อว. ได้แนะนำให้ทุกคณะไม่ว่าสายวิทย์หรือสายศิลป์ ต้องมีโครงงานที่เกี่ยวข้องกับ AI และการใช้อย่างมีจริยธรรม

 

“เราต้องมอง AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือเทคโนโลยี แต่ต้องมองว่า มันคือโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของโลกอนาคต”

 

ควบคู่กันนั้น อว. ยังขับเคลื่อนโครงการ “Credit Bank” ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเรียนรู้ทักษะ AI ได้แบบยืดหยุ่น สะสมหน่วยกิต และเทียบโอนสู่การศึกษาในระบบได้ 

 

“ไม่ว่าใครจะอยู่ในระบบหรือไม่ ทุกคนต้องเข้าถึงการเรียนรู้เรื่อง AI และจริยธรรมได้ เราต้องเปลี่ยนมหาวิทยาลัยให้เป็นพื้นที่เรียนรู้สำหรับทุกช่วงวัย”

 

อว. ยังมีบทบาทสำคัญในการร่วมพัฒนากรอบจริยธรรม AI ระดับภูมิภาค เช่น “ASEAN Guide on AI Governance and Ethics” ที่วางหลักการร่วมกันสำหรับประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแกนกลางในการร่างแนวทางนี้

 

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังใช้แนวทางแบบ soft law ในการพัฒนาแนวปฏิบัติ เช่น Thailand AI Ethics Guideline ที่เน้นหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ความปลอดภัย ความเป็นธรรม และความโปร่งใส เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมในสังคมก่อนจะออกเป็นกฎหมายบังคับจริงในอนาคต

 

การพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อสร้างสังคมที่รู้เท่าทัน AI

 

คำว่า “เท่าทัน AI” สำหรับกระทรวง อว. ไม่ได้หมายถึงการใช้งานได้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นการเข้าใจกลไกของ AI อย่างลึกซึ้ง ตัดสินใจใช้อย่างมีจริยธรรม และนำไปพัฒนางานหรือสังคมได้อย่างสร้างสรรค์

 

“เป้าหมายของเราคือ High-skilled Workforce คนที่เข้าใจ AI ใช้เป็น และรู้ว่าจะใช้ไปเพื่ออะไร เด็กเรียนประวัติศาสตร์ ก็ต้องทำโปรเจกต์ที่ใช้ AI เช่น วิเคราะห์ข้อมูลประวัติศาสตร์ด้วยโมเดลภาษาไทย”

 

แนวทางที่ อว. ใช้คือการวางรากฐานตั้งแต่การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย โดยกำหนดให้ทุกคณะ ทุกหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือมนุษยศาสตร์ ต้องมีโครงงานเกี่ยวกับ AI อยู่ในกระบวนการเรียนการสอน

 

 

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ครอบคลุมหลายระดับ ตั้งแต่โรงเรียนมัธยมไปจนถึงแรงงาน เช่น

 

  • โครงการ Super AI Engineer ที่สร้างผู้เชี่ยวชาญเชิงลึก
  • โครงการ AI For All เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงความรู้พื้นฐาน
  • โครงการ AI สำหรับภาคราชการ เพื่อยกระดับการทำงานภาครัฐให้มีธรรมาภิบาลในยุค AI

 

ขณะเดียวกัน กระทรวง อว. ยังได้ขยายแนวคิด “มหาวิทยาลัยของทุกช่วงวัย” ที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุ แรงงานนอกระบบ หรือผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาปกติ สามารถเข้าถึงการเรียนรู้ AI ได้เช่นกัน ผ่านกลไกอย่างระบบ Credit Bank หรือ Thai MOOC

 

“คนไทยทุกคนควรมีโอกาสเรียนรู้ AI ได้ตามจังหวะของตัวเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรืออายุเท่าไร และเราต้องการทั้ง Super Researcher และ Super User คนที่พัฒนาได้ และคนที่ใช้อย่างมีจริยธรรม”

 

ความพยายามทั้งหมดนี้สะท้อนความเชื่อของ อว. ว่า การมีโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีจะไม่มีความหมายเลย หากประเทศยังขาด “ทุนมนุษย์” ที่เข้าใจ AI อย่างมีจริยธรรม

 

The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 ศักยภาพของไทยบนเวทีโลก

 

ไม่บ่อยครั้งที่ประเทศไทยจะได้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมวิชาการระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและจริยธรรม AI  ซึ่งเป็นหัวข้อที่แม้แต่บางประเทศมหาอำนาจยังยอมรับว่า “ยังไม่มีคำตอบสุดท้าย”

 

The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025

 

การเป็นเจ้าภาพ The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025  ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24–27 มิถุนายน 2568 ณ กรุงเทพมหานคร เป็นก้าวสำคัญที่ไทยจะได้ร่วมประกาศบทบาทเชิงรุกในการขับเคลื่อนนโยบาย AI ในเวทีโลก

 

“ยูเนสโกเลือกไทย เพราะเรามีทั้งความพร้อมทางวิชาการ โครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่ง เราไม่ได้ด้อยกว่าใครเรื่อง AI นี่คือ World Event ที่สะท้อนว่าไทยได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เราไม่ได้แค่ตาม แต่เราเริ่มเป็นคนกำหนดแนวทางได้ด้วย” 

 

เวทีนี้จะมีผู้เข้าร่วมกว่า 800 คนจาก 194 ประเทศทั่วโลก รวมถึงผู้นำองค์กรระหว่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย ผู้แทนรัฐบาล และภาคเอกชน โดยมีหัวข้อหลักคือการแลกเปลี่ยนแนวทางนโยบายและจริยธรรม AI ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล สู่การปฏิบัติและนำไปใช้จริง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

 

 

ในงานนี้ ประเทศไทยยังเตรียมเปิดตัวรายงาน “Thailand AI Readiness Assessment” ซึ่งเป็นการประเมินความพร้อมของประเทศด้าน AI ตามกรอบของ UNESCO RAM ครอบคลุมประเด็นตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล วิจัย ทักษะคน ไปจนถึงหลักธรรมาภิบาล

 

“เราจะใช้เวทีนี้สะท้อนให้โลกเห็นว่า เรามีของจริง มีระบบ และมีนักวิจัยที่เดินหน้าอย่างจริงจัง”

 

หนึ่งในไฮไลต์ของงาน คือการนำเสนอ Thai LLM หรือ Thai Large Language Model ที่พัฒนาโดย สวทช. ซึ่งเป็นโมเดลภาษาไทยขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ และเริ่มนำไปใช้งานแล้วในหลายบริบท

 

การเป็นเจ้าภาพเวทีนี้ จึงไม่ใช่เพียงการเปิดบ้านต้อนรับผู้นำทางนโยบายจากนานาชาติ แต่คือการแสดงให้เห็นถึงพลังของประเทศไทยในการขับเคลื่อนจริยธรรม AI อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นเวทีสำคัญที่ อว. ใช้ในการยกระดับทุนมนุษย์และกรอบคิดนโยบายของไทยให้ไปไกลกว่าเดิม

 

บทบาทของไทยในอนาคตบนเวที AI โลก

 

จากเวทีระดับโลกในวันนี้ อว. วางเป้าหมายให้ประเทศไทยไม่ใช่แค่ผู้ใช้งานเทคโนโลยีจากต่างประเทศ แต่ต้องสามารถออกแบบและพัฒนา AI ได้ด้วยตนเอง

 

“เราต้องการเห็นประเทศไทยก้าวจากผู้ใช้งาน ไปเป็นผู้พัฒนา หรืออย่างน้อยที่สุดคือผู้เข้าใจ AI อย่างลึกซึ้ง” 

 

นั่นหมายความว่า ไทยต้องมีทั้งบุคลากรที่เชี่ยวชาญ ทั้งนักวิจัย วิศวกร และผู้ใช้งานที่มีจิตสำนึก และต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการเติบโตของเทคโนโลยี AI อย่างแท้จริง

 

 

“ในอดีต เวลาเราพูดถึงความพร้อมของประเทศ เราดูว่ามีถนน มีไฟฟ้า มีสนามบินหรือยัง แต่ในโลกอนาคต สิ่งที่ต้องดูเพิ่มคือ มี Data Center ไหม? มี Cloud Infrastructure ไหม? มี AI Talent ไหม?” ศ.ดร. ศุภชัย กล่าว

 

ภายใต้แนวคิดนี้ อว. จึงขับเคลื่อนเป้าหมายระยะยาว 3 ประการ:

 

  • ประเทศไทยมีทุนมนุษย์ที่สามารถขับเคลื่อนนวัตกรรม AI ได้อย่างยั่งยืน
  • ประเทศไทยมีมาตรฐานการกำกับดูแล AI ที่อิงหลักจริยธรรมระดับสากล
  • ประเทศไทยมีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศทั้งด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และจริยธรรม AI

 

“AI จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ เหมือนน้ำ เหมือนไฟฟ้า เราต้องสร้างความพร้อมตั้งแต่วันนี้ เพื่อจะไม่ตกขบวนในอนาคต”

 

ศ.ดร. ศุภชัย ยังฝากถึงเยาวชนของประเทศว่า “ไม่จำเป็นต้องเป็นนักพัฒนา AI ก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องรู้ว่าใช้อย่างไรให้ถูกต้อง เราต้องมีทั้งคนที่เข้าใจลึก และคนที่ใช้ด้วยความรับผิดชอบ ประเทศไทยจะเดินหน้าได้ ก็ต้องมีทั้งสองกลุ่มนี้ AI ไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่มันคือเรื่องของคุณธรรม ความเป็นมนุษย์ และความไว้วางใจของสังคม”

 

จากวันนี้ สู่โครงสร้างใหม่ของประเทศในยุค AI

 

โลกที่ AI เข้ามากำหนดจังหวะชีวิตใหม่ให้มนุษย์ คือโลกที่ต้องมีแนวทางกำกับควบคู่ แนวทางที่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือ “จริยธรรม” ในการใช้เทคโนโลยีนั้น

 

“เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ความสามารถของประเทศจะไม่ได้วัดแค่ GDP หรือโครงสร้างพื้นฐาน แต่จะวัดจากว่า ประเทศนั้นสามารถใช้ AI ได้อย่างปลอดภัย เป็นธรรม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังหรือไม่”

 

 

สำหรับกระทรวง อว. วิสัยทัศน์เรื่อง AI จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นเรื่องการออกแบบอนาคตของคนไทยทุกคน ตั้งแต่หลักสูตรในมหาวิทยาลัย ระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต ไปจนถึงมาตรฐานสากลที่เราจะร่วมสร้างกับโลก

 

“AI ไม่ใช่เรื่องของนักวิทยาศาสตร์หรือบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง แต่มันคือเรื่องของทุกคน และเราต้องร่วมกันกำหนดว่าประเทศไทยจะอยู่กับมันอย่างไร”

 

The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 จึงไม่ใช่เพียงเวทีประชุม แต่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศ ที่ประเทศไทยจะได้ยืนยันกับสังคมโลกว่า เราพร้อมจะเดินหน้าในฐานะประเทศที่เข้าใจ AI และพร้อมใช้มันอย่างมีความรับผิดชอบ

 

“เราจะไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะในโลกที่เทคโนโลยีไปไกล สิ่งที่ต้องก้าวตามให้ทันไม่ใช่แค่เครื่องจักร แต่คือลมหายใจของมนุษย์ทุกคน” ศ.ดร. ศุภชัย กล่าว

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising