ศบค. เปิดตัว ‘แอปไทยชนะ’ รองรับการเปิดเพิ่มกิจการ/กิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 3 โดยผู้ใช้งานเข้าไปดาวน์โหลดผ่าน Play Store ได้ตั้งแต่วันนี้ (28 พฤษภาคม) ส่วนผู้ใช้มือถือระบบ iOS รอดาวน์โหลดผ่าน App Store ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ (คาดว่าจะไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2563)
พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล และการปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับการเข้าใช้งานไทยชนะ ทั้งในส่วนของแอปพลิเคชัน ไทยชนะ ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด และแพลตฟอร์มไทยชนะ www.ไทยชนะ.com จึงได้กำชับเรื่องนโยบายด้านรักษาความเป็นส่วนตัวและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้แอปไทยชนะจะทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มไทยชนะ www.ไทยชนะ.com โดยมีการประมวลความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจำนวนกว่า 14 ล้านคน ตลอดช่วง 10 วันที่ผ่านมาหลังจากเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องการใช้งานง่าย การใช้สะดวกเข้ากับชีวิตประจำวัน และสอดคล้องกับการเตรียมเปิดเพิ่มกิจการ/กิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 3
ซึ่งจะได้ข้อสรุปในที่ประชุมวันศุกร์นี้ (29 พฤษภาคม) ครอบคลุมกิจกรรมกลุ่มมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระดับปานกลาง-สูง ดังนั้นจำเป็นต้องมีการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อรองรับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดระลอกที่ 2 ในไทย โดยทุกกิจการ/กิจกรรมที่ได้รับอนุญาตให้เปิดตามมาตรการผ่อนคลายทุกระยะ ต้องมีการเข้ามาลงทะเบียนในแพลตฟอร์มไทยชนะ
นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และสื่อสังคมออนไลน์ ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า “ดังนั้นผู้ประกอบกิจการ/กิจกรรม และที่มีการใช้งานผ่านเว็บไทยชนะ ทั้งในส่วนของร้านค้าที่มีการลงทะเบียนอย่างถูกต้องแล้ว ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม ส่วนประชาชนผู้ใช้บริการก็ใช้ QR Code เดิม เพียงแต่เราได้เติมเต็มและเสริมสะดวก ง่ายของผู้ใช้งาน”
แนวคิดในการพัฒนาแอปไทยชนะคือ ใช้งานสะดวกและปลอดภัยที่สุด โดยจะมีข้อดีสำหรับผู้ใช้งาน 7 ข้อ ได้แก่ 1. ลงทะเบียนง่ายด้วยเบอร์โทรศัพท์มือถือเพียงครั้งเดียว แล้วสามารถใช้บริการได้เลย 2. ลดความยุ่งยากในการใช้บริการ และปกป้องความเป็นส่วนตัวของประชาชน 3. สามารถเช็กเอาต์หลังจากใช้บริการ (เมื่อไรก็ได้) 4. ป้องกัน QR Code ปลอม
- เป็นการเช็กความถูกต้องของกิจการ/ร้านค้า/สถานประกอบการณ์ว่าได้ทำตามมาตราการของ ศบค. จริงหรือไม่ 6. ป้องกันการกรอกเบอร์โทรศัพท์ผิด และ 7. ช่วยในการติดตามสอบสวนโรคกรณีที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสถานที่ใดหรือร้านค้าที่ไปใช้บริการ
“ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกติดตามรายละเอียดการเดินทางในชีวิตประจำวัน เพราะระบบนี้เราใช้ในการป้องกันและควบคุมโรค เราไม่ได้สนใจในแง่ตัวคน แต่สนใจ 1. การประเมินร้านค้า/กิจกรรมต่างๆ ว่าได้ปฏิบัติตามมาตรการ 5 ข้อของกรมควบคุมโรคหรือไม่ 2. ความหนาแน่น เพราะจะเป็นจุดเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการแพร่ระบาด เพื่อจะได้มีการแจ้งเตือนได้ทันทีเมื่อพบความเสี่ยง” นพ.พลวรรธน์ กล่าว
สำหรับผู้ไม่สะดวกดาวน์โหลดแอปไทยชนะ นพ.พลวรรธน์ ระบุว่ายังสามารถลงทะเบียนและเข้าใช้งานผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะได้เหมือนเดิม (สแกน QR Code เข้าหน้าเว็บ) ซึ่งแอปพลิเคชันนี้ปัจจุบันนอกเหนือจากภาษาไทย ยังรองรับภาษาอังกฤษ และกำลังมีภาษาอื่นๆ เพิ่ม ได้แก่ เมียนมา มาเลย์ เกาหลี จีน ญี่ปุ่น และลาว
ทั้งนี้จากจำนวนยอดเช็กอินของผู้ใช้งานรวมกว่า 14 ล้านคนแล้ว โดยในส่วนของกรุงเทพมหานคร ชาว กทม. มากกกว่า 90% ใช้ไทยชนะแล้ว สะท้อนเสียงขานรับที่ดีจากทุกฝ่ายที่ร่วมมือกัน และมีตัวเลขที่น่าภูมิใจว่ามาตรการคุมเข้มของ ศบค. 5 ข้อตลอดช่วงที่ผ่านมาทุกประเภทกิจกรรม/กิจการมีผลประเมินจากผู้เข้าใช้บริการ โดยรวมพบว่าส่วนใหญ่ทุกคนทำตามมาตรการได้ทั้งหมด มีความเข้าใจทั้งหมด และเห็นว่ามีการปฏิบัติตามมาตรการครบทุกข้อ คิดเป็นร้อยละ 94.9 จากยอดผู้เข้าใช้งาน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum