สภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมานับว่าอยู่ในโหมดขาลง สวนทางกับดัชนีตลาดหุ้นหลักของโลกอย่าง S&P 500, Nasdaq และ Nikkei ที่พากันปรับตัวสูงขึ้น
กวี ชูกิจเกษม กล่าวถึงสาเหตุหลักในการขึ้นของหุ้นในต่างประเทศและปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยในปีนี้ว่า หุ้นบ้านเรายังขาดแคลนธุรกิจที่สอดคล้องกับเทรนด์ใหญ่ของโลกที่เกิดขึ้นในปีนี้ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI), รถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งต่างจากหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นมาสูง แม้ปลายปีที่แล้วจนถึงกลางปีนี้จะยังมีปัญหาเรื่องความกังวลของเศรษฐกิจโลกอยู่ก็ตาม
ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น THE STANDARD WEALTH จะชวนมาดูหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีบ้านเราที่อยู่ในตลาด SET และ mai ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้นจำนวน 63 บริษัทตามการจัดจำแนกของทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
หุ้นเทคโนโลยีที่อยู่ใน SET ประกอบไปด้วย 2 อุตสาหกรรมหลักๆ คือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมีส่วนแบ่งที่ 47.6% และ 52.4% ตามลำดับ ซึ่งหุ้นที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับที่ 1 ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก็คือ DELTA ที่มีสัดส่วนกว่า 42.4% ตามมาด้วย KCE และ HANA ที่ 1.6% และ 1.3% ในอันดับที่ 2 และ 3
ทางฝั่งของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารนั้นนำมาด้วยหุ้น ADVANC ที่ 23% ตามด้วย INTUCH และ TRUE ที่ 8.4% และ 8.0% ทั้งนี้ หากรวมทั้ง 4 บริษัทเข้าด้วยกัน DELTA, ADVANC, INTUCH และ TRUE จะทำให้สัดส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 81.8% ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาด SET หมายความว่า ตลาดหุ้นไทยเน้นสินค้าและบริการทางเทคโนโลยีที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าที่จะเป็นนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
สำหรับตลาด mai หุ้นเทคโนโลยีทั้งหมด 21 บริษัท โดยหุ้นที่มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะจะเป็นธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีที่มีส่วนแบ่งไปแล้วกว่า 58.3% ซึ่ง 3 อันดับแรกของบริษัทอยู่ในกลุ่มนี้ทั้งสิ้น นำทัพด้วย DITTO, BBIK และ BE8 ส่วนที่เหลือของตลาด mai อีก 18 บริษัทที่มีน้ำหนักเหลืออยู่ 41.7% จะทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการระบบซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์ม ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี และผู้ให้บริการออกแบบและวางระบบเทคโนโลยี
ประกิต สิริวัฒนเกตุ ให้ความเห็นถึงปัญหาหุ้นเทคโนโลยีในประเทศไทยว่า อุปสรรคที่สำคัญคือฐานผู้ใช้งานเทคโนโลยีไทยที่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่แค่ในไทย ซึ่งต่างจากธุรกิจเทคโนโลยีของต่างประเทศที่มีฐานผู้ใช้งานจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Meta, Apple หรือ Alphabet และด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นหนึ่งในสาเหตุของข้อจำกัดที่ผู้ประกอบการยังคงต้องพัฒนาต่อไป เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันและยกระดับธุรกิจภาคเทคโนโลยีไทย
ภาพประกอบ: กริน วสุรัฐกร
อ้างอิง:
- P/E เฉลี่ยของหุ้นเทคโนโลยีกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทั้งหมดในตลาด SET อยู่ที่ 37.47 เท่า โดยบริษัทที่มี P/E สูงสุดในกลุ่มนี้คือ THCOM ที่ 147.16 เท่า และต่ำสุดคือ MFEC ที่ 3.94 เท่า
- P/E เฉลี่ยของหุ้นเทคโนโลยีกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด 9 บริษัทในตลาด SET อยู่ที่ 54.83 เท่า โดยบริษัทที่มี P/E สูงสุดในกลุ่มนี้คือ DELTA ที่ 73.24 เท่า และต่ำสุดคือ SVI ที่ 10.46 เท่า
- P/E เฉลี่ยของหุ้นเทคโนโลยีทั้งหมด 21 บริษัทในตลาด mai อยู่ที่ 39.84 เท่า โดยบริษัทที่มี P/E สูงสุดในกลุ่มนี้คือ BBIK ที่ 77.53 เท่า และต่ำสุดคือ VCOM ที่ 11.8 เท่า
หมายเหตุ: ข้อมูลตัวเลขจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2566