ในอดีตเมื่อพูดถึงธุรกิจเครื่องดื่ม ภาพแรกที่หลายคนนึกถึงคือกาแฟ เครื่องดื่มที่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ทั่วโลก
แต่วันนี้อีกหนึ่งคู่แข่งที่กำลังมาแรง และอาจไม่ใช่แค่แฟชั่นชั่วคราว ก็คือ ‘ชา’ โดยเฉพาะกลุ่มชาเพื่อสุขภาพ – ชาพรีเมียม – ชาไลฟ์สไตล์ จนมีคำกล่าวที่พูดกันหนาหูว่า
“Tea is the new coffee”
🟡 ตลาดชาโตสวนกระแสจริงหรือ?
ข้อมูลจาก LINE MAN Wongnai สะท้อนภาพว่าเทรนด์นี้ไม่ใช่กระแสชั่วคราว:
🔸ร้านชาไทย Specialty เปิดใหม่โต 205% ภายใน 3 ปี
🔸 ปี 2024 เพียงปีเดียว ยอดสั่งชาไทยเดลิเวอรีแตะ 400,000 แก้ว เติบโตถึง 81%
🔸กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางชาที่ใหญ่ที่สุด มีสัดส่วนร้านถึง 46% ของประเทศ
เมื่อเทียบกับร้านกาแฟที่แม้ยังเติบโต แต่เริ่มชะลอตัวลง โดยครึ่งปีแรกของปี 2025 ร้านกาแฟเปิดใหม่เหลือเพียง 5,000 ร้าน จาก 7,000 ร้านในปี 2024 ทว่ายอดขายของร้านกาแฟเดิมโตขึ้น 5% สวนทางร้านอาหารทั่วไปที่รายได้ลดลง 14% แปลว่ายังพอไปต่อได้ เพราะผู้บริโภคยุคใหม่เน้นการมองหาสินค้าคุณภาพดีในราคาเข้าถึงง่าย
ตลาดชาในมุมนี้จึงถือว่า เป็นสนามใหม่ที่กำลังร้อนแรง
🟡 ทำไม ชา ถึงไม่ใช่แค่แฟชั่น?
นักวิเคราะห์คาดว่า ภายในปี 2028 ตลาดชาอาจพุ่งแตะ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โตต่อเนื่องปีละกว่า 10% เทรนด์นี้จึงไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้าง โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีซัพพลายเชนชาที่แข็งแรงอยู่แล้ว
ในส่วนของผู้บริโภคยุคใหม่ ก็มีมุมมองต่อชาที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
🔸 สุขภาพมาก่อน – ชามีสารต้านอนุมูลอิสระสูง คาเฟอีนต่ำกว่ากาแฟ แต่ยังช่วยให้ตื่นตัวได้ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อสุขภาพสำหรับคนที่อยากลดกาแฟ
🔸ไลฟ์สไตล์ & โซเชียลมีเดีย – วันนี้แก้วชาไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่เป็น ‘แฟชั่นไอเทม’ ร้านชาหลายแห่งออกแบบร้านให้สวยงาม ทันสมัย เหมาะกับการถ่ายรูปลงโซเชียล คล้ายกับสิ่งที่กาแฟเคยทำมาก่อน
🔸นวัตกรรม & การปรับแต่ง (Customization) – ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ว่าจะเอาชาแบบไหน ความหวานเท่าไหร่ ใส่นมไหม หรือท็อปปิงอะไร คล้ายกับประสบการณ์ออกแบบกาแฟในร้านพรีเมียม
🟡 กรณีศึกษาจากผู้เล่นจริงในสนามชา
🔸Karun Thai Tea (การันชาไทย) – แบรนด์ที่ยืนหยัดขายชาไทยอย่างเดียว แต่แตกกลิ่นและฟอร์แมตหลากหลาย พร้อมเป้าหมายผลักดันชาไทยสู่ตลาดโลก
🔸Nose Tea – ชู ‘ชีส’ เป็นจุดขายหลัก ไม่แข่งขันด้วยไข่มุกเหมือนคนอื่น แต่สร้าง Top of Mind เรื่องชีส พร้อมทดลองเมนู Local พิเศษ เช่น ชา+ข้าวหลาม ที่บางแสน และโมเดลไดรฟ์ทรู
🔸MTCH (เอ็มทีซีเอช) – เน้นความเป็น High-End Matcha ที่สะท้อนคุณภาพ สร้างคัลเจอร์การดื่มชาแบบพรีเมียม และโฟกัสที่ซัพพลายเชนที่มั่นคง
🔸ชาแบรนด์จีนพรีเมียม – เช่น ชาจี ที่เพิ่งมีข่าวการร่วมทุนกับเครือสหพัฒน์ มาเจาะเซกเมนต์ 80–100 บาท/แก้ว ซึ่งกำลังฮิตสุดในไทย
🟡 โอกาส & บทเรียนสำหรับผู้ประกอบการ
🔸หาจุดต่างให้ชัดเจน – การทำเหมือนคนอื่นในราคาถูกกว่าไม่ใช่ทางรอดอีกต่อไป
🔸โปรดักต์คือการตลาด – ลงเวลา 80% ไปกับการพัฒนาสินค้า เพราะสินค้าที่ดีคือตัวขายที่แท้จริง
🔸เริ่มเล็ก เรียนรู้เร็ว – ทดลองตลาดด้วยการเปิดบูธเล็ก ๆ เก็บฟีดแบ็ก แล้วค่อยขยาย
🔸เล่าเรื่อง (Storytelling) & สร้างประสบการณ์ – ลูกค้ารุ่นใหม่ไม่ได้ซื้อแค่รสชาติ แต่ซื้อประสบการณ์และภาพลักษณ์ ที่มาพร้อมชา
แท้จริงแล้ว ชาอาจไม่ใช่แค่กาแฟใหม่ แต่กำลังกลายเป็น ‘ทางเลือกหลัก’ ของผู้บริโภคยุคใหม่ การทำร้านชาเป็นสนามที่น่าลงเล่น แต่ต้องหาจุดแข็งให้เจอ และพร้อมสร้างแบรนด์ที่แตกต่างจริง
ชมคลิป: