ตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนข้างร้อนแรงเมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งหลายตลาดดัชนีปรับตัวลดลง ส่วนดัชนี SET พุ่งขึ้น 1.36% หรือ +19.98 จุด จากวันก่อนหน้า มาปิดที่ 1,485.01 จุด ทำจุดสูงสุดในรอบ 13 เดือน
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า มติลดดอกเบี้ย 0.25% ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ถือว่าผิดไปจากที่คาดในแง่ของเงื่อนเวลา เพราะเดิมทีคาดว่าการลดดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม
เมื่อการลดดอกเบี้ยเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด ทำให้ตลาดหุ้นตอบรับในเชิงบวก แต่เมื่อถามว่า ดัชนี SET อยู่ในระดับเต็มมูลค่าแล้วหรือยังในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ณัฐชาตอธิบายว่า หากพิจารณาจากโมเดล P/E กรณีดีสุดของ SET จะอยู่ที่ 1,480 จุด เท่ากับที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้
แต่หากพิจารณาจาก Earning Yield Gap ซึ่งระดับดัชนีเป้าหมายจะเปลี่ยนแปลงไปตาม Bond Yield และด้วยคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ปีนี้ที่ 91.7 บาท หากอิงจากระดับ Bond Yield อายุ 10 ปีที่ 2.48% เป้าหมายของดัชนี SET จะอยู่ที่ 1,510 จุด แต่หาก Bond Yield ปรับลงต่อไปถึงระดับ 2.4% จะทำให้เป้าหมาย SET ขยับขึ้นเป็น 1,530 จุด ซึ่งเป็นกรณีที่ดีที่สุดของปีนี้
“ตั้งแต่เข้าสู่ไตรมาส 4 มูลค่าของหุ้นไทยไม่ได้ถูกอีกแล้ว แต่สภาพคล่องยังดีมากจากแรงซื้อของกองทุนวายุภักษ์ คิดว่าตลอดเดือนตุลาคม ดัชนี SET น่าจะปรับลงได้ยาก แม้ว่าอาจจะมีข่าวร้าย เช่น กำไรไตรมาส 3 ที่น่าจะออกมาไม่ดี”
ไอเดียการลงทุนในช่วงนี้คือเลือกหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก เพราะความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกในตอนนี้มากกว่าเศรษฐกิจไทย
ขณะที่หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์น่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์โดยตรง จากต้นทุนที่ลดลงตามดอกเบี้ย และคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้นเมื่อดอกเบี้ยลดลง โดยเลือกหุ้นที่ยังมูลค่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เช่น AEONTS, KTC และ SAWAD
