ตลาดหุ้นไทยช่วงการซื้อขายภาคบ่ายของวันนี้ (10 มีนาคม) บรรยากาศการลงทุนเต็มไปด้วยความคึกคัก โดยมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่น ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นมาปิดตลาดในระดับสูงสุด โดยเพิ่มขึ้น 22 จุด มาปิดตลาดที่ 1,573 จุด หรือเพิ่มขึ้นราว 1.45% มูลค่าการซื้อขาย 107,925.07 ล้านบาท ในขณะที่หุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ปรับเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า
ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากที่ความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จบลง โดยเฉพาะดัชนี NASDAQ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนสะท้อนมูลค่าของธุรกิจเทคโนโลยีอีกครั้ง
ขณะเดียวกันปัจจัยเรื่องอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในก่อนหน้านี้ เริ่มลดแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงลงแล้ว แม้ว่าแนวโน้มอัตราผลตอบแทนจะยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นก็ตาม
ผลพวงจากความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นต่างประเทศ ทำให้หุ้นไทยรีบาวด์ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่รับผลกระทบหนักๆ ในช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยในประเทศคือความคาดหวังเรื่องการฟื้นตัวของกลุ่มท่องเที่ยวและการฟื้นตัวของ GDP ไทย
ในการปรับขึ้นรอบนี้ มองเป็นอีกหนึ่งสัญญาณบ่งชี้ว่าเงินลงทุนต่างชาติจะกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง หลังจากที่ขายออกไปค่อนข้างมากในปีที่แล้ว ด้วยปัจจัยเรื่องความวิตกกังวลต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นฐานรายได้หลักของประเทศ
“เราคาดหวังกันตั้งแต่ปลายปีที่แล้วถึงช่วงต้นปีว่าต่างชาติจะกลับมาในตลาดหุ้นไทยในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Emerging Market แต่ก็ผิดหวังไปรอบหนึ่ง เพราะต่างชาติเข้าซื้อหุ้นในตลาดเอเชียเหนือ เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่นแทน แต่รอบนี้ตลาดหุ้นไทยจะน่าสนใจเพิ่มขึ้นในมุมมองต่างชาติ เพราะธีมหุ้นเทคฯ เริ่มเต็มมูลค่า ทำให้เงินลงทุนไหลเข้ามาสู่หุ้นวัฏจักรและหุ้นปันผล ซึ่งตลาดหุ้นไทยรีเฟลคท์ภาพนั้นได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในเอเชีย”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า