×

ลุ้นหุ้นไทยฟื้น ผลบวกมาตรการภาษีสหรัฐฯ เริ่มผ่อนคลาย จับตาความขัดแย้งทางการค้าสหรัฐฯ-ประเทศคู่ค้า

16.04.2025
  • LOADING...
thai-stocks-rebound-us-tariffs

ตลาดหุ้นไทย ยังคงเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากประเด็นความไม่แน่นอนของประเด็นภาษี Reciprocal Tariffs ของสหรัฐฯ ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่ม 2 มาตรการใหม่ควบคุมการซื้อขาย

 

กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงเคลื่อนไหวผันผวนต่อเนื่องตามประเด็นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ โดยดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยร่วงลงกว่า 50 จุดและแตะจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปีครั้งใหม่ที่ 1,056.41 จุด สอดคล้องกับภาพรวมตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลงแรงเช่นเดียวกัน

 

ทั้งนี้ ตลท. มีการประกาศปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor, Dynamic Price Band และห้ามขายชอร์ตเป็นการชั่วคราว (8-11 เมษายน) เพื่อลดความผันผวนของตลาด

 

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อคืนหุ้นบิ๊กแคป ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นแรงในเวลาต่อมาตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับใช้มาตรการภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน ยกเว้นจีน แต่กรอบการปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยเริ่มจำกัดในช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางสัญญาณระมัดระวังของนักลงทุนก่อนวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ ประกอบกับยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

 

ในวันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,128.66 จุด ลดลง 5.29 จุด หรือติดลบ 0.47% จากวันก่อนหน้า

 

หุ้นไทย 16042025

 

สำหรับสัปดาห์นี้ (16-18 เมษายน) บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,100 และ 1,085 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,145 และ 1,155 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของ บจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนมีนาคมนี้ และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

 

ด้าน บล.กรุงศรี ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีโอกาสฟื้นตัว โดยมีแนวต้านที่ 1,155 จุด และ 1,180 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,120 จุด และ 1,105 จุด โดยตลาดหุ้นไทยมีโมเมนตัมแกว่งตัวขึ้นได้จากผลบวกมาตรการภาษีเท่าเทียมของสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลาย และเข้าสู่ช่วงเวลาเจรจารายประเทศ

 

ขณะที่มีเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่สูงขึ้น จึงมีโอกาสที่เม็ดเงินลงทุนจะสลับไปลงทุนยังตลาดหุ้นอื่นๆ ที่ยังมี Valuation ไม่แพง โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้น 10 Deep Value ได้แก่ CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO, KBANK, BBL, AOT

 

ตลท. สั่งเพิ่ม 2 มาตรการใหม่ควบคุมการซื้อขาย

 

เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า จัดให้มีมาตรการใหม่เพิ่มเติมในการดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ หลังสิ้นสุดมาตรการชั่วคราว เพื่อสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง

 

เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายหลักทรัพย์ได้เริ่มคลี่คลายลงแล้ว ดังนั้น หลังจากสิ้นสุดมาตรการชั่วคราวซึ่งได้มีผลใช้บังคับในช่วงระหว่างวันที่ 8-11 เมษายน 2568 ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ บมจ. ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) (TFEX) จะกลับไปใช้เกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2568 เป็นต้นไป

 

ทั้งนี้ หากมีความจำเป็น ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ TFEX ก็พร้อมที่จะพิจารณาทบทวนปรับใช้เกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อขายให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์

 

อย่างไรก็ดี แม้มาตรการชั่วคราวดังกล่าวข้างต้นจะสิ้นสุดลง แต่เพื่อให้การดูแลความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ และการสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้นไทยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เห็นชอบให้มีมาตรการใหม่เพิ่มเติมอีก 2 มาตรการ ดังนี้

 

  1. กำหนดหุ้นที่อนุญาตให้ขายชอร์ต (Short Selling) ได้ เป็นเฉพาะหุ้นในกลุ่ม SET100 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับทันที ตั้งแต่ 16 เมษายน 2568 เป็นต้นไปโดยได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว ทั้งนี้ การขายชอร์ตหลักทรัพย์ดังกล่าว ยังคงต้องเป็นไปตามเกณฑ์ uptick คือให้ใช้ราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย
  2. กำหนดให้การซื้อขายหุ้นของผู้ลงทุนกลุ่ม High Frequency Trading (HFT) จำกัดอยู่เพียงเฉพาะหุ้นในกลุ่ม SET100 เพื่อลดความผันผวนของหุ้นขนาดกลางและเล็ก ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อม

 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกแถลงการณ์ปรับเกณฑ์ซื้อขายชั่วคราวใช้ระหว่าง 8-11 เมษายน 2568 เนื่องจากการประกาศใช้นโยบายภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก จนมีการปรับตัวลดลงอย่างมาก ดังนี้

 

  1. ปรับ Ceiling & Floor สำหรับทั้ง SET, mai และ TFEX จาก 30% เป็น 15%
  2. ปรับกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band เป็นรายหลักทรัพย์ จากเดิม ±10% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น เป็น ±5% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น
  3. ห้ามการขายชอร์ตทุกหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว ยกเว้น Market Maker

ภาพ: Rumana Ferdousi / Shutterstock

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising