หุ้นไทยฟื้นท้ายตลาดตอบรับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไต่ระดับสู่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง ดันหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมีพยุงดัชนี นักวิเคราะห์ประเมินแนวโน้มพรุ่งนี้หุ้นไทยยังรับแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะความตึงเครียดชายแดนรัสเซีย-ยูเครน แต่เชื่อดัชนีไม่หลุด 1,650 จุด
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (22 กุมภาพันธ์) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ 1,691.12 จุด ลดลง 3.20 จุด หรือ 0.19% มูลค่าการซื้อขาย 93,075.45 ล้านบาท โดยในช่วงเช้าดัชนีปรับลดลงลึกจนแตะระดับต่ำสุดที่ 1,673.31 จุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในพื้นที่พิพาทของรัสเซียและยูเครนเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายตลาดเริ่มความกังวลลงบ้าง อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ไต่ระดับขึ้นสู่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง ทำให้หุ้นพลังงานและปิโตรเลียมมีแรงซื้อกลับในช่วงบ่าย ซึ่งมีผลต่อดัชนีค่อนข้างมาก
โดยที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก คือ
- KBANK ปิดที่ 164.50 บาท -0.50 บาท หรือ -0.30% มูลค่าการซื้อขาย 5,161.82 ล้านบาท
- PTT ปิดที่ 39 บาท +0.25 บาท หรือ +0.65% มูลค่าการซื้อขาย 3,096.73 ล้านบาท
- CPALL ปิดที่ 67 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 2,645.49 ล้านบาท
- AOT ปิดที่ 63.50 บาท -1.50 บาท หรือ -2.31% มูลค่าการซื้อขาย 2,362.49 ล้านบาท
- SCB ปิดที่ 128 บาท -0.50 บาท หรือ -0.39% มูลค่าการซื้อขาย 2,316.39 ล้านบาท
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังถูกกดดันจากความตึงเครียดบริเวณชายแดนรัสเซีย-ยูเครนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามสถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และล่าสุดน้ำมันดิบ Brent ปิดที่ระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และยังมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อ ทำให้มีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมีในตลาดหุ้นไทย ดัชนีในช่วงบ่ายจึงรีบาวด์ขึ้นมา ทำให้ภาพรวมดัชนีของไทยไม่เสียทรงมาก และเชื่อว่ายังไม่หลุดเทรนด์ขาขึ้น
ทั้งนี้ในระยะสั้นเชื่อว่าดัชนีจะถูกกดดันจากปัจจัยข้อพิพาทรัสเซีย-ยูเครนต่อเนื่อง จากนั้นในต้นเดือนมีนาคมจะมีแรงกดดันจากการปรับขึ้นนโยบายของ Fed เพิ่มเข้ามากระทบ
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังไม่หลุดเทรนด์ขาขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,650 จุด หากสถานการณ์โควิดในประเทศรุนแรงขึ้นจนทำให้รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ประเมินว่าหุ้นไทยน่าจะปรับฐานลงไปถึงระดับ 1,600 จุด
“ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ไพรซ์อินเรื่องความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครนมาก เพราะความกังวลสงครามทำให้ราคาน้ำมันดีดขึ้น หุ้นกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมีซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ก็ปรับขึ้นด้วยและมีผลต่อ SET ขณะเดียวกันภาวะสงครามภาพของการเติบโตของเศรษฐกิจที่ร้อนแรงจนต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยนั้นเบาลง ส่งผลให้มุมมองต่อนโยบาย Fed เดือนมีนาคมเปลี่ยนไป โดยเริ่มมีการคาดการณ์กันใหม่ว่า Fed น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ตลาดหุ้นก็คลายกังวลไปด้วย จะเห็นได้ว่าปัจจัยเรื่องภาวะหวาดกลัวสงครามและกังวลเรื่องนโยบาย Fed กำลังเบลนด์กันอยู่” วิจิตรกล่าว
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันพรุ่งนี้ (23 กุมภาพันธ์) ประเมินว่าดัชนีจะแกว่งตัวออกกรอบข้าง (Sideway) ระหว่าง 1,680-1,700 จุด โดยปัจจัยกดดันยังมาจากต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนปัจจัยในประเทศเชื่อว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศจะหนุนหุ้นในกลุ่ม Domsetic Play ให้ปรับขึ้นต่อเนื่อง
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP