หุ้นไทยรีบาวด์ตามต่างประเทศ นักลงทุนคลายความกังวลภาวะสงครามหลังสัญญาณการใช้กำลังเริ่มแผ่วลง นักวิเคราะห์ระบุยังต้องจับตามาตรการแซงก์ชันรัสเซียโดยประเทศแถบยุโรป แต่เชื่อมีผลกระทบไม่มาก ส่วนแนวโน้มสัปดาห์หน้าลุ้นหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นเร็วกว่าคาด ดัน SET ปรับขึ้นสู่ฐาน 1,700 จุดอีกรอบ แนะลุยหุ้นกลุ่ม Domestic Play ดักเงินต่างชาติ
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 กุมภาพันธ์) ดัชนี SET ฟื้นตัวตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่รีบาวด์กลับถ้วนหน้า สาเหตุหลักมาจากการนักลงทุนคลายความกังวลเรื่องภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ล่าสุดไม่มีการใช้กำลังตอบโต้จากฝั่ง NATO และสหรัฐฯ
โดย SET Index ปิดที่ 1,679.90 จุด เพิ่มขึ้น 17.18 จุด หรือ 1.03% มูลค่าการซื้อขาย 87,772.73 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่ออีก 2,477.30 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนทั่วไปเป็นผู้ขายสุทธิ
มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า SET Index วันนี้ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ปรับลดลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ โดยปัจจัยสนับสนุนวันนี้มาจากการคลายความกังวลต่อภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่น่าจะจบลงโดยเร็ว หลังจากที่ฝั่ง NATO หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกา ไม่มีทีท่าจะตอบโต้รัสเซียด้วยการใช้กำลังทางทหาร
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการตอบโต้ด้วยการคว่ำบาตร (Sanction) จากชาติยุโรปที่ต้องติดตามต่อว่าจะเป็นอย่างไร และทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบแค่ไหน
ทั้งนี้ เบื้องต้นประเมินว่ายุโรปน่าจะหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรด้านการใช้พลังงาน เพราะหากทำเช่นนั้นชาติยุโรปก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยในด้านของต้นทุนพลังงานที่จะสูงขึ้น และอาจลุกลามไปถึงการขาดซัพพลายด้านพลังงาน
“สิ่งที่นักลงทุนกลัวก็คือสงคราม แต่ตั้งแต่ช่วงเช้าก็มีข้อมูลมาเป็นระยะว่า NATO และสหรัฐฯ ไม่มีท่าทีโต้ตอบด้วยกองกำลังทหารหรือความรุนแรง ทำให้ตลาดคลายกังวลลง ส่วนมาตรการคว่ำบาตรของยุโรปเชื่อว่าจะไม่รุนแรง และจะหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรด้านพลังงาน เพราะยุโรปก็ไม่ต้องการหยิกเล็บเจ็บเนื้อเหมือนกัน” มงคลกล่าว
สำหรับแนวโน้มสัปดาห์หน้า (28 กุมภาพันธ์ – 4 มีนาคม) ประเมินว่าหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และกลับสู่ฐาน 1,700 จุดได้อีกครั้ง ปัจจัยบวกมาจากการรีบาวด์ของตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะหุ้นเทคสหรัฐอเมริกา โดยการก่อสงครามของรัสเซียได้เร่งให้หุ้นสหรัฐฯ ทำจุดต่ำสุดเร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ เบื้องต้นประเมินว่าหุ้นสหรัฐฯ น่าจะทำจุดต่ำสุดในสัปดาห์ และรีบาวด์ได้อย่างรวดเร็ว จากเดิมที่นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดว่า หุ้นสหรัฐฯ จะทำจุดต่ำสุดกลางเดือนหน้า
ปัจจัยบวกต่อหุ้นไทยถัดมาคือตลาดคลายกังวลเรื่อง Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรง (ปรับขึ้น 0.50%) โดยสงครามรัสเซียและยูเครนที่มาเร่งเงินเฟ้อ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้มุมมองตลาดเปลี่ยนไป
ขณะเดียวกัน หุ้นไทยยังเป็นเป้าหมาย Fund Flow อย่างต่อเนื่อง โดยค่าเงินบาทที่แข็งค่า และฐานะการเงินประเทศไทยที่แข็งแกร่งทำให้หุ้นไทยน่าสนใจมากขึ้น โดยจากข้อมูลของแบงก์ชาติพบว่า ประเทศไทยสำรองทองคำเพิ่มขึ้นเป็น 240 ตัน จากก่อนหน้านี้ที่ประเทศไทยมีการสำรองทองคำอยู่ในระดับ 150 ตัน (ณ เดือนเมษายน 2563)
นอกจากนี้ กำไร บจ.ที่เติบโตอย่างโดดเด่นในไตรมาส 4/64 ยังเป็นอีกปัจจัยบวกสำหรับตลาดหุ้นไทย แม้จะมีการขายทำกำไรในช่วงประกาศงบไปบ้างแล้วก็ตาม ทั้งนี้ แนะนำลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 และหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น CRC, OSP, MAKRO และกลุ่มธนาคาร และให้ระมัดระวังหุ้นในกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP