หุ้นไทยวันนี้ (4 ตุลาคม) ปิดการซื้อขายที่ 1,614.48 เพิ่มขึ้น 9.31 จุด หรือ 0.58% มูลค่าการซื้อขาย 78,693.93 ล้านบาท โดยในช่วงเช้าตลาดหุ้นไทยปรับตัวในแดนบวก สวนทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ และตลาดหุ้นฮ่องกง ที่ปรับลงเฉลี่ย 1.5%
สำหรับหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมา นำโดยกลุ่มพลังงาน ซึ่งหนุนดัชนีไป 4.04 จุด ตามด้วยกลุ่มขนส่งหนุนดัชนี 2.2 จุด กลุ่มอสังหาริมทรัพย์หนุนดัชนีไป 1.58 จุด
โดย 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มูลค่าการซื้อขายมากสุด ดังนี้
- KBANK ปิดที่ 137 บาท +1.86% มูลค่าการซื้อขาย 4,308.551.95 ล้านบาท
- AOT ปิดที่ 62.75 บาท +2.45% มูลค่าการซื้อขาย 2,964.66 ล้านบาท
- GULF ปิดที่ 43.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,753.05 ล้านบาท
- BANPU ปิดที่ 13.40 บาท +3.08% มูลค่าการซื้อขาย 2,492.93 ล้านบาท
- BBL ปิดที่ 116.50 บาท -0.85% มูลค่าการซื้อขาย 2,178.32 ล้านบาท
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ และหัวหน้าสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในทิศทางบวกตลอดทั้งวัน โดยรับได้รับหนุนจากทั้งสถานการณ์โควิดในประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มลดลงชัดเจน และการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่น่าจะมีความต่อเนื่อง ขณะที่ราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูงช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานที่มีสัดส่วนมากกว่า 20% ของ Market Cap
“มองแนวโน้มตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นไทยจะมี Downside Risk จำกัดมากขึ้น หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วย่อตัวลงมาค่อนข้างมากเพื่อรับข่าวร้ายต่างๆ แต่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวดีเรื่องยาต้านโควิดมาเพิ่ม ดัชนีจึงปรับเพิ่มขึ้นตอบรับข่าวดีดังกล่าว”
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามต่อคือการประชุมของกลุ่ม OPEC+ ต่อการควบคุมกำลังการผลิตว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ หลังจากราคาน้ำมันดิบโลกอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ แผนเดิมจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2564 อีก 4 แสนบาร์เรลต่อวัน
กลยุทธ์การลงทุนยังชอบหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น SCB, CPALL และ MINT
ฝ่ายวิจัย บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวจากปัจจัยสนับสนุนเรื่องผลสำเร็จของยาโมลนูพิราเวียร์ที่รักษาโควิดได้มีประสิทธิภาพสูงของ Merck ซึ่งทำให้หุ้นกลุ่ม Reopening ตอบรับในเชิงบวกอย่างมากจนส่งผลต่อดัชนีรวม
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามจากนี้คือความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน
กลยุทธ์แนะนำถือหุ้น 50% คงพอร์ตหลักกลุ่มที่จะ Outperform SET ได้แก่ ได้แก่ โรงไฟฟ้า (GPSC, GULF, BCPG), โรงพยาบาล (BDMS, BH, BCH), กลุ่มสื่อสารฯ (ADVANC), ส่งออก (KCE, HANA, TU), โรงกลั่น (TOP, PTTGC)
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP