บรรยากาศตลาดหุ้นไทยภาคเช้าวันนี้ (25 ตุลาคม) ปรับตัวลดลงทันทีที่เปิดการซื้อขาย และปิดการซื้อขายในภาคเช้าที่ระดับ 1,634.42 จุด ลดลง 9 จุด หรือ 0.55% โดยหลักทรัพย์ที่มีแรงซื้อขายมากสุด 5 อันดับ ดังนี้
- KBANK ปิดที่ 141 บาท -0.50 บาท หรือ -0.35% มูลค่าการซื้อขาย 2,879.13 ล้านบาท
- BBL ปิดที่ 124 บาท +2.00 บาท หรือ +1.64% มูลค่าการซื้อขาย 1,914.17 ล้านบาท
- BANPU ปิดที่ 12.20 บาท -0.30 บาท หรือ -2.40% มูลค่าการซื้อขาย 1,622.33 ล้านบาท
- SPALI ปิดที่ 22 บาท +0.40 บาท หรือ +1.85% มูลค่าการซื้อขาย 1,305.49 ล้านบาท
- AOT ปิดที่ 65 บาท -0.75 บาท หรือ -1.14% มูลค่าการซื้อขาย 1,250.74 ล้านบาท
ทั้งนี้มีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มแบงก์ หลังจากที่ทยอยผลประกอบการไตรมาส 3/64 และออกมาดีตามคาดการณ์ และแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงานเนื่องจากราคาถ่านหินเริ่มลดความร้อนแรงหลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศเข้าแทรกแซงราคา
นอกจากนี้ยังมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เข้ามาอย่างต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว ตอบรับข่าวดีกรณีธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศผ่อนคลายเกณฑ์ LTV
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ระบุว่า ตลาดหุ้นในช่วงเช้าดัชนีปรับตัวลง 9 จุด จากแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มขนส่งอย่าง PTT, AOT, PTTEP จากแรงขายทำกำไร แต่มีแรงซื้อในหุ้นอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ประเมินแนวโน้มภาคบ่ายคาดดัชนีอ่อนตัวลงหลังตอบรับข่าวบวกทั้งการเปิดประเทศและยอดผู้ติดเชื้อที่ลดลงไปแล้ว นอกจากนี้มองว่านักลงทุนต่างประเทศที่เข้าซื้อเป็นผลจากการปรับสัดส่วนการลงทุนมากกว่าพื้นฐานของประเทศไทยที่ดีขึ้นทำให้ต้องระวังดัชนีปรับตัวขึ้น แนวรับ 1,627 จุด แนวต้าน 1,640 จุด
ทางด้านฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หุ้นไทยช่วงเช้าปรับลงมาจากแรงขายทำกำไรมากกว่า และมองว่าจังหวะที่ดัชนีอ่อนตัวรอบนี้ เป็นจังหวะในการเข้าสะสม โดยประเมินแนวโน้มดัชนีช่วงบ่ายที่ 1,630-1,640 จุด และยังคงแนะนำลงทุนใน Theme Restart Economy โดยหุ้นแนะนำคือ HMPRO CPN และ MINT
ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้อยู่ที่การรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/64 ของภาค Real Sector อาทิ SCGP และ SCC ในวันที่ 26 และ 27 ตุลาคม ซึ่งแนวโน้มผลประกอบการมีแนวโน้มหดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และวันที่ 28 ตุลาคม ติดตามการงานงบ PTTEP คาดเติบโตจากไตรมาสที่แล้ว (QoQ)
ส่วนปัจจัยเรื่องราคาถ่านหิน ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มพลังงานนั้น มองว่าความผันผวนของราคาถ่านหินยังเป็นระยะสั้นๆ จึงแนะนำให้เน้นหาจังหวะเพียง Trading เท่านั้น โดยราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมาถึงปัจจุบันได้รับปัจจัยหนุนช่วงสั้นจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นและ Supply ที่ออกสู่ตลาดได้จำกัด
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาถ่านหินน่าจะลดความร้อนแรงลง เนื่องจากล่าสุดรัฐบาลจีนได้ประกาศใช้มาตรการแทรกแซงราคาถ่านหิน เพื่อลดความร้อนแรงของราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงก่อนหน้า โดยให้ผู้ผลิตถ่านหินของรัฐปรับลดราคาลงกว่า 100-200 หยวนต่อตัน และจำกัดราคาตามสัญญาระยะยาวทั้งในบริษัทของภาครัฐและภาคเอกชน อีกทั้งได้ตั้งเป้าเพิ่มผลผลิตต่อวันให้สูงขึ้น
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP