ความเคลื่อนไหวหุ้นไทยวันนี้ (17 มีนาคม) ดัชนี SET เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยปิดที่ 1,681.76 จุด เพิ่มขึ้น 13.84 จุด หรือ 0.83% ระหว่างวันขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,686.45 จุด เพิ่มขึ้น 18.53 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 7,146 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 557 ล้านบาท พอร์ตลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 838 ล้านบาท และนักลงทุนรายบุคคลขายสุทธิ 5,751 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน โดยเฉพาะดัชนี Hang Seng ฮ่องกง เพิ่มขึ้น 7%, Nikkei 225 ของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 3.5%, Taiwan Weighted ของไต้หวัน เพิ่มขึ้น 3%, China A50 ของจีน เพิ่มขึ้น 2.3% และ Kospi เกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.3%
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ มองว่า การฟื้นตัวของหุ้นไทย 1-2 วันที่ผ่านมา ได้น้ำหนักจากตลาดหุ้นจีนเป็นสำคัญ อย่างวันนี้จะเห็นว่าตลาดหุ้นเอเชียยังคงขึ้นต่อได้ค่อนข้างดี แต่ตลาดหุ้นยุโรปเริ่มทรงตัว
ส่วนผลการประชุม Fed ที่ออกมาทำให้ตลาดคลายความกังวลในระยะสั้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีนักลงทุนบางส่วนที่มองว่าตลาดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยได้ถึง 0.5% ในครั้งนี้ แต่สิ่งที่ไม่ดีคือการคลายความกังวลอาจเป็นเพียงแค่ระยะสั้น เพราะจาก Dot Plot ที่สะท้อนออกมาว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จะมีถึง 7 ครั้งในปีนี้ หมายความว่าในการประชุมอีก 6 ครั้งที่เหลือของปีนี้ Fed สามารถที่จะขึ้นดอกเบี้ยได้เฉลี่ยครั้งละ 1 รอบ
“หลังการแถลงของ Fed ทำให้ Fed Fund Futures และ Bond Yield ระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้น และทำให้ความชัน Yield Curve บางส่วนติดลบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีนักในระยะกลางถึงยาว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เคยเกิดขึ้นเช่นกันในปี 2550 ก่อนที่จะเกิดวิกฤตตามมาในปี 2551”
โดยสรุปเชื่อว่าหุ้นไทยจะผ่อนคลายในระยะสั้น แต่เราได้ปรับประมาณการกรอบดัชนีใหม่ จากเดิมที่อิงกับ Bond Yield 10 ปี ของสหรัฐฯ ที่ระดับ 1.9% ขยับมาใช้ตัวเลข 2.1% ทำให้กรอบด้านบนของดัชนี SET อยู่ที่ 1,700 จุด ส่วนกรอบล่างในระยะสั้นเชื่อว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,580 จุด ซึ่งเกิดจากการ Panic Sell จากเรื่องของสงคราม และสะท้อนความกังวลต่างๆ ไปแล้ว
“หากดัชนี SET จะหลุดลงไปต่ำกว่า 1,580 จุด น่าจะต้องเห็นความเสี่ยงในเรื่องของ Stagflation สูงขึ้นในไทย ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยงด้านนี้สูง ผลกระทบจากสงครามทำให้เงินเฟ้อจะยังสูงต่อไปอีก 3-6 เดือน ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศเพิ่งจะตั้งตัวได้ เพราะฉะนั้นในไตรมาส 2-3 หุ้นไทยอาจจะทำได้ดีสุดแค่แกว่งตัวออกข้าง”
กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน มองว่า หุ้นวันนี้ฟื้นตัวรับ Sentiment เชิงบวกตามตลาดหุ้นโลก หลังจาก Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับที่ตลาดคาด และความกังวลต่างๆ อาทิ ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียที่น่าจะใกล้บทสรุป
อย่างไรก็ตาม ดัชนี SET ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับนี้ทำให้ Upside เริ่มจำกัด และหากมีประเด็นลบหรือสิ่งที่ทำให้ตลาดผิดหวัง เช่น ความขัดแย้งที่ยืดเยื้ออกไป อาจทำให้ดัชนีปรับฐานลงได้อีกครั้ง สำหรับกรอบดัชนีด้านบนไปจนถึงสัปดาห์หน้าน่าจะแกว่งตัวไม่เกิน 1,690-1,700 จุด ส่วนแนวรับประเมินที่ 1,650 จุด
“ความเสี่ยงจากเรื่องเงินเฟ้อทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คิดไว้ กำลังซื้อลดลงจากราคาพลังงานและอาหารที่แพงขึ้น ซึ่งจะถ่วงการฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส 1 ต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 2 ปัจจัยกดดันเหล่านี้ทำให้หุ้นไทยอาจจะไม่สามารถดึงเม็ดเงินลงทุนเข้ามาได้มากกว่านี้ อาจจะเห็นแค่การสลับเข้ามาบ้าง”
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP