เริ่มต้นสัปดาห์นี้ด้วยการที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลงมาตามๆ กัน รวมถึงตลาดหุ้นไทยซึ่งดัชนี SET ในช่วงเช้าของวันนี้ (21 มิถุนายน) ร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 1,590.55 จุด ลดลง 1.3% จากวันก่อนหน้า ก่อนจะรีบาวด์กลับขึ้นมาในช่วงการซื้อขายภาคบ่าย และมาปิดตลาดในระดับ 1,601 จุด ลดลง 11.85 จุด หรือ 0.73% มูลค่าการซื้อขายรวม 83,153 ล้านบาท
สำหรับนักลงทุนต่างชาติในวันนี้ ขายสุทธิรวม 3,244 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิ 2,022 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายบุคคลซื้อสุทธิ 4,854 ล้านบาท เช่นเดียวกับพอร์ตลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ที่ซื้อสุทธิ 411 ล้านบาท
วิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มองว่า การปรับฐานของตลาดหุ้นวันนี้ตอบรับกับปัจจัยลบ 2 ส่วน คือ
1. โอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
2. ความกังวลต่อการระบาดระลอกใหม่ดังเช่นในอังกฤษที่แม้ว่าจะมีการกระจายวัคซีนได้เป็นจำนวนมากแล้ว
“หากลองสังเกตช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ตลาดเป็นแบบนี้หลายรอบ เมื่อข่าวดีอย่างเรื่องวัคซีนเข้ามา ตลาดก็วิ่งขึ้น แต่เมื่อเกิดความกังวล ตลาดก็ปรับลงมาอีกครั้ง หากดูภาพรวมหลังจากหุ้นไทยวิ่งขึ้นมาราว 600 จุด ก็มีโอกาสจะปรับฐานได้ แต่การปรับฐานน่าจะเป็นจังหวะที่นักลงทุนรอเข้าซื้อได้”
สำหรับความเสี่ยงขาลงของตลาดหลังจากนี้เชื่อว่าจะไม่มากนัก เพราะความกังวลที่เกิดขึ้นเป็นเพียงระยะสั้นถึงระยะกลาง เพราะฉะนั้นจึงน่าจะเป็นการปรับฐานเพื่อขึ้นต่อในระยะยาว แต่ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ยังค้างคาอยู่คือการส่งสัญญาณของ Fed ในการลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE)
“ด้วยความเสี่ยงที่ยังไม่หมดไป เพราะฉะนั้นนักลงทุนยังไม่ควรประมาท โดยอาจจะทยอยเข้าซื้อแบบไม่ทุ่มสุดตัวจนเกินไป แต่ส่วนตัวเชื่อว่าการส่งสัญญาณลดวงเงินของ Fed รอบนี้อาจจะไม่ได้เซอร์ไพรส์ตลาดมากนัก”
ด้าน วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า กลุ่มหุ้นที่นำตลาดลงมารอบนี้เป็นกลุ่มหุ้นวัฏจักร ซึ่งที่ผ่านมาได้ปรับขึ้นมาจนถึงช่วงกลางวัฏจักรแล้ว รวมถึงกลุ่มการเงินที่ถูกกดดันจากความกังวลในเรื่องปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งต้องรอติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ยต่อไป
“ช่วงที่ผ่านมาตลาดอยู่ในภาวะที่พร้อมจะถูกขายทำกำไรอยู่แล้ว เมื่อมีปัจจัยลบจากเรื่องที่ประธาน Fed สาขาย่อยพูดถึงโอกาสของการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ทำให้ตลาดปรับฐานลงมา เชื่อว่าการปรับฐานรอบนี้จะเห็นนักลงทุนปรับพอร์ตใหม่โดยการขายหุ้นกลุ่มวัฏจักรเพื่อไปเข้าหุ้นกลุ่มที่มีปัจจัยหนุนหลังจากนี้”
อย่างกลุ่มหุ้นที่รับอานิสงส์จากการกระจายวัคซีนมากขึ้น ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจเห็นกลุ่มที่เข้ามาเจรจาธุรกิจหรือลงทุนมากขึ้น เพราะสามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคอย่างโรงไฟฟ้า ก็เริ่มกลับมาน่าสนใจจากแผน PDP 2022 ที่เริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น
“ตลาดปรับฐานรอบนี้เป็นจุดที่น่าเข้าสะสมและไม่คิดว่าจะเห็นดาวน์ไซด์ลึกๆ แต่การจะกลับขึ้นไปก็อาจจะยังไม่เร็วนัก ขึ้นอยู่กับการกระจายวัคซีน หากทำได้มากขึ้นตามเป้าหมายก็อาจจะเห็นตลาดขึ้นได้เร็วกว่าที่คิด โดยรวมคิดว่าระยะสั้นดัชนี SET ไม่น่าจะเกิน 1,650 จุด แต่เมื่อกระจายวัคซีนได้มากขึ้นน่าจะเห็นดัชนีพุ่งไปได้มากกว่าที่คิด”
พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น